“รักความยุติธรรมใช่ไหม!! รักความยุติธรรมใช่ไหม!!” ชายผมดำพูดขึ้นในขณะที่เขากำลังกระทืบลงบนแผ่นหลังของเคน
ชายผมดำคนนี้ยืนอยู่กลางห้องเรียน โดยที่ห้องมีโต๊ะถูกจัดเป็นวงกลมราวกับว่าเป็นเวทีอะไรซักอย่าง เพื่อนของชายผมดำคนนี้นั่งอยู่บนโต๊ะก่อนจะหัวเราะชอบใจในสิ่งที่เขาทำ ส่วนนักเรียนคนอื่นๆนั้นก็ยืนข้างนอกวงกลม พวกเขาต่างซุบซิบและมองเหตุการณ์นี้บ้างก็หยิบมือถือของตัวเองเพื่อมาถ่ายภาพเหตุการณ์ เคนที่นอนอยู่บนพื้นนั้นก็พยายามลุกขึ้นมา แต่ไม่ทันที่เขาได้ลุก ชายผมดำคนนี้ก็ยกเท้าก่อนจะเหยียบหลังเขาไว้ไม่ให้เขาลุก
“จำไว้นะไอ้เบื๊อก ถ้าแกมายุ่งกับพวกชั้นอีกล่ะก็แกโดนดีอีกแน่ๆ” ชายคนนี้ขู่เคน
“แต่ว่ารุ่นพี่อากิยามะ...สิ่งที่พวกรุ่นพี่ทำมันไม่ถูกนะ” เคนตอบกลับ
“ไอ้นี่ไม่เข็ดใช่ไหม?” ชายที่ถูกเรียกว่าอากิยามะลากคอของเคนมาก่อนจะเหวี่ยงเข้าไปที่โต๊ะ
ร่างของเคนนั้นกระแทกกับโต๊ะ โต๊ะที่ถูกจัดเรียงไว้กระจัดกระจาย เคนพยายามจะลุกแต่ด้วยความบอบช้ำของร่างกายของเขาทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ เมื่ออากิยามะเห็นดังนั้น เขากับเพื่อนของเขาก็เดินออกจากห้องไปด้วยความพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น หยดน้ำตานั้นไหลออกมาจากตาของเคน อาจจะเพราะความเจ็บปวดหรืออาจจะเพราะสมเพชตัวเองก็ได้ เพื่อนของเขาเข้ามาพยุงร่างของเขาขึ้น ก่อนที่คนอื่นๆจะช่วยกันจัดห้องให้เป็นเหมือนเดิม เคนยืนมองแผ่นหลังของอากิยามะก่อนที่เขาจะหายไปจากสายตาของชายผมน้ำตาล
=====
“เคน...เคน...เคน!!” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกเขา
ชายผมน้ำตาลได้ยินก็สะดุ้งมาก่อนจะมองไปที่ต้นเสียง เขาเห็นแม่ของเขาจ้องมองเขาตาไม่กระพริบ เธอมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง บนโต๊ะนั้นเต็มไปด้วยจานอาหาร แต่แม้ว่าอาหารจะมากขนาดไหน แต่ข้าวในถ้วยชามสีเขียวของเคนไม่ได้ขยับเลยแม้แต่น้อย ตะเกียบนั้นก็ยังคงวางไว้ที่เดิม ดูเหมือนชายผมน้ำตาลคนนี้จะไม่ได้แตะตะเกียบเลยแม้แต่นิดเดียว
“ลูกเป็นอะไรรึเปล่า?” ผู้เป็นแม่ถาม
“อ่อ เปล่าครับ ผมแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” เคนโกหก
พูดจบเขาก็หยิบตะเกียบที่ถูกวางไว้บนที่วางตะเกียบ ก่อนที่เขาจะเริ่มคีบอาหารและเริ่มกิน รสชาตินั้นก็ยังคงอร่อยเหมือนเช่นเคย อาจจะเป็นโชคดีอย่างหนึ่งของเคนที่มีแม่สามารถทำอาหารได้เก่ง ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เขาไม่เคยมีซักวินาทีที่เขาเบื่ออาหารแม่ของเขา ในขณะที่เคนกินข้าวอย่างเงียบๆ เขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตูบ้าน แม่ของเคนเดินตรงไปยังผู้ที่เปิดประตู ซึ่งผู้เปิดประตูนั้นก็เป็นบิดาของเคนเอง เขาสวมสูทสีดำพร้อมกับในมือข้างขวาของเขาที่ถือกระเป๋าอยู่ด้วย ผู้เป็นภรรยาเดินมาก่อนจะถอดสูทของสามีตนเองออกก่อนจะแขวนไว้บนกำแพง ผู้เป็นพ่อเดินมายังโต๊ะอาหารที่มีอาหารวางอยู่แล้ว ก่อนจะคว้าตะเกียบขึ้นมาและเริ่มทานอาหารเย็นของตัวเอง
“โรงเรียนเป็นยังไงบ้างลูก?” ผู้เป็นพ่อถามลูกชายที่นั่งกินข้าวอยู่
“อ๊ะ เอ่อ ก็ดีครับ” เคนตอบสั้นๆ
“งั้นหรอ...ก็ดีนะ ลูกจะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกับที่นี่ซักที” ผู้เป็นพ่อยิ้มให้กับลูกของเขา
เคนยิ้มแห้งๆ เขารู้สึกไม่ดีเลยแม้แต่น้อยที่ต้องโกหกพ่อแม่ของเขา หากทว่าเขาก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันว่าเขาเจอนักเลงคนเดิม แม้เขาจะย้ายมาเริ่มต้นใหม่แล้วก็ตาม แน่นอนถ้าพ่อแม่เขาได้ยิน ก็คงต้องกังวลเกี่ยวกับเขาอีกเช่นเคย เมื่อเคนกินจบเขาก็วางตะเกียบลงก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณสำหรับอาหาร” เขาวางตะเกียบไว้บนชามข้าวก่อนที่เขาจะเดินขึ้นบ้านของเขา เมื่อเขาขึ้นชั้นสองไป เขาก็เลี้ยวไปทางขวา เคนเอื้อมมือก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไป ในห้องนั้นยังคงสภาพไม่ต่างกับตอนเช้าเสียเท่าไหร่ ดูเหมือนเขาจะยังไม่มีเวลาที่จะจัดห้องของเขาเท่าไหร่ เคนเดินตรงไปยังโต๊ะไม้ของเขาก่อนจะเอาหน้าแนบลงไปกับโต๊ะที่เย็นเฉียบ
“เราจะทำไงดี...” เขาพูดเบาในขณะที่เอาหน้าแนบกับโต๊ะ มือทั้งสองของเขากำแน่น
“เราจะทำไงดี....” เขาพูดอีกครั้ง น้ำตานั้นไหลออกจากตาของเขา ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
=====
มันก็เป็นอีกวันหนึ่งในโรงเรียนแห่งความหวัง ท้องฟ้านั้นสดใสเช่นเคย เหล่าวิหคต่างโบยบินบนท้องฟ้า ดวงตะวันตั้งตระหง่านอยู่ศูนย์กลาง เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกแล้วว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน ชายหนุ่มผมน้ำตาลนั่งอยู่บนม้านั่งในสวนของโรงเรียน เขานั่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ รอบๆนั้นนอกจากชายผมน้ำตาลแล้วก็ไม่มีใครอยู่เลย ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ดูเหมือนจะมีแค่ตนเท่านั้น เคนแกะผ้าสีขาวออกก่อนจะแกะเอาฝากกล่องออกมา เมื่อเขาแกะฝาออกมา เขาก็เห็นข้าวกลางวันของเขา มีไข่ม้วนหลายอันวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียงและข้าวอยู่เต็มช่อง พร้อมกับผักที่ถูกราดด้วยน้ำสลัด เคนประนมมือก่อนจะเอ่ย “ทานแล้วนะครับ” พร้อมกับใช้ตะเกียบคว้าสิ่งที่เขาอยากกิน เขาเคี้ยวไข่ม้วนของเขา รสชาติมันยังคงอร่อยเหมือนเคย เมื่อเขาเคี้ยวไข่เสร็จแล้ว เขาใข้ตะเกียบของเขาคีบเอาไข่ขึ้นมา ในขณะที่ชายผมสีน้ำตาลจะเอาอาหารเข้าปากของตน เขาก็รู้สึกได้ว่ามีเงาอะไรบางอย่างปกคลุมตัวเขา เคนแหงนหน้ามาก่อนจะเห็นชายผมสีดำยืนแสยะยิ้มให้กับเขาอยู่
เคนเห็นหน้าของชายที่ชื่อว่าอากิยาม่าแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปหมด ราวกับว่าเขาถูกสายตาของชายคนนี้สะกดไว้ไม่ให้เขาไปไหน อันธพาลคว้าเอาขวดน้ำขึ้นมาก่อนจะเปิดฝาขวดอย่างช้าๆ เขากระดกดื่มไปได้สองสามอึกก่อนจะนำน้ำที่เหลือเทลงใส่ศีรษะของเคน น้ำที่เย็นเฉียบนั้นไหลผ่านเส้นผมสีน้ำตาลก่อนจะหยดลงไปบนพื้น เมื่อน้ำนั้นหมดขวด อันธพาลที่ชื่ออากิยาม่าก็เขวี้ยงขวดใส่ใบหน้าของเคน เมื่อขวดกระแทกใบหน้าของชายร่างเล็กแล้ว ขวดก็กลิ้งลงไปอยู่กับพื้น อากิยาม่าก้มมองลงไปที่ข้าวกล่องของเหยื่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสนใจ
“แม่นายทำข้าวกล่องเหมือนเดิมใช่ไหม? ชั้นขอกินได้ไหม?” อากิยาม่าถาม
เคนพยักหน้าก่อนจะยื่นข้าวกล่องของตนให้กับอากิยาม่า ชายผมดำรับไว้ก่อนที่เขาจะโยนข้าวกล่องไปข้างหลังตัวเอง อาหารในข้าวกล่องนั้นกระจัดกระจายไปทั่วพื้นคอนกรีต ก่อนที่อากิยาม่าจะกระชากขอเสื้อของเคนขึ้นมา เคนพยายามจะส่งเสียงร้องเพื่อให้คนอื่นมาช่วย แต่ชายผมดำจ้องเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงอาฆาต มันทำให้ชายที่ถูกรังแกไม่กล้าที่จะเปล่งเสียงออกมา อากิยาม่าง้างมือก่อนจะเตรียมชก เคนหลับตาลงเตรียมพร้อมจะรับหมัดของชายผมดำ เขารู้ว่าไม่มีใครจะมาช่วยเขา มันก็เหมือนทุกๆทีนั่นแหละ ไม่ว่าเขาจะตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม เขาก็จะอยู่ลำพังและเจ็บอย่างลำพัง แต่เขาก็ไม่เคยโกรธเพื่อนของเขา เขาเข้าใจดี เพราะหากใครคิดจะหือกับอากิยาม่าแล้วละก็พวกเขาจะต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกันกับที่ตนเผชิญอยู่แน่นอน
“เฮ้ นายน่ะ!! Stop!!” เสียงผู้หญิงสำนวนแปลกๆดังขึ้นมา
เคนลืมตาขึ้นมา เช่นเดียวกันกับอากิยาม่าที่หันไปตามเสียง ทั้งสองเห็นผู้หญิงผมน้ำตาลยาวสลวย เธอสวมที่คาดผมสีเหลือง ดวงตาของเธอนั้นเป็นสีเทา เธอสวมชุดเครื่องแบบนักเรียนหญิงของที่นี่ เป็นการบ่งบอกว่าเธอเป็นนักเรียนที่นี่เช่นเดียวกัน เคนไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน นั่นก็แปลว่าเธอไม่ใช่นักเรียนในห้องของเคนอย่างแน่นอน อากิยาม่ามองผู้หญิงคนนี้สายตาไม่กระพริบก่อนจะพูดขู่เธอ
“อะไร? ยุ่งอะไร? อยากตายรึไง?”
“ถ้านายไม่ปล่อยเด็กคนนั้นล่ะก็ ชั้นจะเรียกทุกคนมาแน่ๆ และชั้นว่านายก็คงไม่อยากพักการเรียนอีกรอบแน่ๆ ว่าไหม?” เธอพูดโดยไม่ได้สนคำขู่ของอากิยาม่า
พักการเรียน? เคนได้ยินแล้วก็นึกสงสัยขึ้นมา อากิยาม่าได้ยินแล้วก็ปล่อยมือของตนออกจากขอเสื้อของเคน ก่อนจะพูดกับเคนเบาๆว่า “วันนี้แกโชคดีนะ” ก่อนที่จะเดินผ่านผู้หญิงผมน้ำตาลคนนี้ไป เคนเดินตรงไปยังเศษอาหารที่กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น เขาใช้มือของเขากวาดเศษที่ตกอยู่เข้าไปในกล่อง ผู้หญิงผมน้ำตาลคนมะกี้ก็คุกเข่าลงมาก่อนจะช่วยด้วย
“เอ่อ ขอบคุณมากครับ คุณ....” เคนจะกล่าวขอบคุณหากทว่าเขาไม่รู้ชื่อของเธอ
“ซาโตนากะ โคฮาคุน่ะ อยู่ปี 2 แล้วนายล่ะ?” หญิงผมน้ำตาลตอบกลับ
“เอ่อ ทานากะ เคนครับ นักเรียนปี 1” เคนตอบกลับ
“โอ้ๆ Nice to meet you” หญิงที่ชื่อโคฮาคุพูดด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาดของเธอ
“ครับ ยินดีรู้จักเช่นเดียวกันครับ แล้วก็ขอบคุณรุ่นพี่ซาโตนากะมากเลยนะครับ ที่ช่วยผมไว้” ชายผมน้ำตาลกล่าวขอบคุณ
“Don’t worry ชั้นก็แค่ไม่ชอบพวกนักเลงเหมือนกัน” รุ่นพี่ของเคนพูด
ไม่นานนักเคนก็เก็บเศษอาหารทั้งหมดเข้าใส่กล่องก่อนที่ทั้งคู่จะลุกขึ้นมาจากพื้นคอนกรีต เสียงกริ่งนั้นดังขึ้นมา ดูเหมือนพักเที่ยงจะจบลงแล้ว
“ถ้างั้นชั้นไปก่อนล่ะ!! See you” พูดจบเธอก็โบกมือก่อนจะเดินหายไป
เคนก็ได้แต่โค้งก่อนจะมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความฉงน ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะว่าทำไมรุ่นพี่คนนี้ถึงพูดภาษาอังกฤษคำญี่ปุ่นคำก็เถอะ แต่ถึงกระนั้นเขาก็เชื่อว่ารุ่นพี่คนนี้เป็นคนดี เคนกลับไปยังห้องเรียนของเขา เขาเดินตรงกลับไปยังที่นั่งของตัวเอง เขาก็ยังคงเห็นชายผมน้ำเงินที่ชื่อว่า “โนดะ คันจิ” ฟุบอยู่บนโต๊ะ บางทีเคนก็สงสัยเหมือนกันว่าชายคนนี้ทำไมถึงไม่ตื่นมาเรียนเสียที ไม่นานนักอาจารย์ก็เข้าห้องมา ซึ่งคาบนี้ก็เป็นคาบสังคม ซึ่งสอนโดยครูประจำชั้นของห้องนี้ หรือ อาจารย์โซเรียวนั่นแหละ
คำพูดของอาจารย์โซเรียวนั้นไม่ได้เข้าหูของเคนเลยแม้แต่น้อย ในหัวของเขาไม่ได้จดจ่ออยู่ที่การเรียนแม้แต่น้อย ภาพใบหน้าของอากิยามาน่ารวมถึงน้ำเสียงของเขาคอยตามหลอกหลอนเด็กชายคนนี้ ถึงวันนี้จะมีรุ่นพี่ที่แสนดีมาช่วยเขา แต่คราวต่อๆไปแบบนี้จะมีอะไรแบบนี้รึเปล่า มันก็ทำให้เขานึกนะว่าถ้าเขาไม่เรียกครูมาในขณะที่พวกอากิยาม่ากำลังรังแกเด็กคนอื่นอยู่ ชีวิตของเขาจะแย่ขนาดนี้รึเปล่า เสียงในหัวของเขาคุยกันเองมั่วไปหมด เสียงพวกนี้เป็นเหมือนเกาะกำบังไม่ให้เสียงของอาจารย์โซเรียวที่กำลังสอนวิชาสังคมอยู่ เมื่อเขารู้ตัวอีกทีเสียงกริ่งก็ดังขึ้น โซเรียวที่สอนอยู่ก็หยุดก่อนจะพูดกับนักเรียนทุกคนที่นั่งอยู่ในห้อง
“งั้นวันนี้ก็ไว้แค่นี้ก่อนละกัน อย่าลืมการบ้านกันด้วยล่ะ นักเรียน”
นักเรียนขานรับก่อนจะเริ่มเก็บของในกระเป๋าของตัวเอง ส่วนเคนนั้นลุกขึ้นมาจากที่นั่งของเขา ก่อนจะเดินตรงไปยังอาจารย์ประจำชั้นของตัวเอง เมื่อโซเรียวเห็นเคนเดินมาก็หยุดเดินก่อนจะหันมาทางลูกศิษย์ของตนที่กำลังมุ่งหน้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล
“เคนคุง มีอะไรอยากจะคุยกับครูเรอะ?”
“เอ่อ คือ...” เคนกำลังจะพูด
หากทว่าไม่ทันที่เขาจะพูด เขาก็รู้สึกได้ว่ามีใครมองเขาอยู่ เคนหันกลับไป ก่อนจะเห็นอากิยาม่ายืนกอดอกยืน เขาจ้องมองเคนตาไม่กระพริบและดูเหมือนในตำแหน่งที่อากิยาม่ายืนอยู่ อาจารย์โซเรียวจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วย เคนรู้ดีว่าถ้าเขาบอกครูประจำชั้นของตัวเองไปจะเกิดอะไรขึ้น ร่างกายของเขาสั่นไปหมด ใจหนึ่งเขาก็อยากจะให้ครูประจำชั้นคนนี้ช่วยเขา แต่อีกใจเขาก็กลัวกับผลที่ตามมา
“เอ่อ คือ...ผมฟังไม่ทันว่าการบ้านหน้าไหน อาจารย์พอจะบอกผมอีกทีได้ไหมครับ?” เคนถาม
“อ่อ หน้าที่ 48 – 49 น่ะ” อาจารย์โซเรียวตอบ
“ครับ ขอบคุณมากครับ” เคนก้มโค้งเป็นการขอบคุณ
เคนเดินกลับไปยังที่นั่งของเขา เขาเห็นคันจิที่พึ่งตื่น เขาขยี้ตาของเขา พลางเหวี่ยงแขนขึ้นกลางอากาศเพื่อเป็นการบิดขี้เกียจ คันจิหันมาทางเคนที่กำลังเก็บของเข้ากระเป๋าอยู่
“นายเป็นอะไรรึเปล่า? หน้านายดูไม่ดีเลยนะ” ชายผมน้ำเงินถามด้วยสีหน้าสงสัย
“อ่อ เปล่าไม่มีอะไร” เคนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
คันจิเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ
“งั้นหรอ ถ้ามีอะไรก็ปรึกษาชั้นได้ละกัน ชั้นยินดีอยู่แล้ว” ชายผมน้ำเงินเสนอเคนที่หยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้ในมือขวาของตัวเอง
“อื้อ ขอบคุณมากนะ คุณโนดะ”
พูดจบเคนก็เดินออกจากห้องเรียนของเขา ในขณะที่เขาเดินออกจากห้องเขาก็กำหมัดอีกข้างแน่น เขาอยากจะพูด หากทว่าเขาก็พูดไม่ได้ เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครรับชะตากรรมแบบเดียวกันกับเขาอีก