เสียงของรถไฟฟ้าสีเขียวที่แล่นบนรางรถไฟนั้นดังขึ้นอยู่เรื่อยๆ บนรถนั้นไม่ได้มีคนมากมาย เพราะตอนนี้ก็เป็นเวลาสิบโมงเช้าแล้ว และเวลานี้นั้นก็ไม่ใช่เวลาที่ผู้คนจะยืนแน่นเอียดกันบนรถไฟ ถ้าหากเป็นเวลาเช้ากว่านี้หรือเป็นชั่วโมงเร่งด่วนแล้วล่ะก็การที่จะเห็นผู้คนเดินไปเดินมาทั่วสถานีหรือยืนเบียดกันบนรถไฟฟ้าก็คงเป็นเรื่องธรรมดา ในประเทศญี่ปุ่นนั้นถ้าจะเรียกว่านครรัฐแห่งรถไฟก็ไม่ผิดนัก เพราะไม่ว่าจะไหน รถไฟก็สามารถพาไปถึงได้เสมอ และที่นี่ก็มีรถไฟหลายขบวนที่วิ่งผ่านทั่วแผ่นดินแห่งนี้ ในขณะที่รถไฟสีเขียวกำลังวิ่งไปตามสถานีของมัน ชายหนุ่มผมน้ำตาลก็นั่งอยู่ ใจของเขานั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ ข้างๆเขานั้นมีรุ่นพี่ผมสีน้ำตาลที่นั่งฮัมเพลงอย่างมีความสุข มือของเธอนั้นตีหัวเข่าไปด้วยเป็นจังหวะตามเพลงที่เธอออกมาจากหูฟังสีขาวของเธอ ในขณะเดียวกันนั้นข้างๆของเคนก็มีเพื่อนร่วมห้องอย่างซาโยมิที่กำลังพูดคุยกับรุ่นพี่ผมสีส้มเรื่องขนมกันอย่างสนุกสนาน ส่วนใกล้ๆกับประตูทางออกนั้นมีชายร่างสูงที่ชื่อโยโรอิ เก็นซุยยืนอยู่ มือซ้ายของเขาจับราวไว้ในขณะเดียวกันมือขวาของเขาถือสมุดเล่มเล็กๆ ดวงตาของเขาจดจ้องไปที่ตัวอักษรเหล่านั้น
“จะว่าไปเคนคุง...ที่นายทำไปเมื่อวานนี่ Cool มากๆเลยนะ” รุ่นพี่ซาโตนากะเอ่ยปากชม
“อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยครับ เอาจริงๆผมคิดด้วยซ้ำว่า ผมไม่น่าทำแบบนั้นเลย” เคนพูดด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
“Why?” โคฮาคุเอียงคอถามด้วยน้ำเสียงสงสัย
“ครั้งที่แล้วที่ผมโดนรังแกแบบนี้ก็เพราะเรื่องแบบนี้อีกนั่นแหละครับ แถมรอบนี้เรื่องของผมกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้ว”
“แบบนี้ผมจะโดนคนที่เกลียดฟูจิวาระเล่นงานรึเปล่า...” ชายผมน้ำตาลพูดพลางกุมหน้าของตัวเองด้วยความกังวล
“ชั้นว่าไม่หรอกมั้ง ชั้นเชื่อว่าคำพูดของเคนคุงจะต้องทำให้หลายๆฉุดคิดขึ้นมาก็ได้ ชั้นว่าตอนนี้ก็คงมีคนหลายๆคนคิดแบบนายนะ”
“เอาจริงๆถ้าจะพูดว่านายช่วยทำให้พวกเราตาสว่างขึ้นมาก็พอจะพูดได้ละมั้ง” ลูกครึ่งอังกฤษพูดด้วยรอยยิ้ม
เคนได้ยินแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร หากทว่าเขาฟังแล้วเขาก็รู้สึกสบายใจขึ้นมา เขาก็ไม่สามารถอธิบายได้เหมือนกันว่าเพราะอะไร ไม่นานนักรถไฟก็เทียบชานชะลาสถานีที่พวกเขาต้องการจะลง เสียงประกาศชื่อสถานีดังขึ้น ผู้ที่มีจุดประสงค์ที่จะลงจากสถานนี้ต่างทยอยลงกันอย่างช้าๆ เช่นเดียวกันกับเคนและสมาชิกชมวิจัยขนมหวานคนอื่นๆ เมื่อเท้าของพวกเขาเหยียบลงชานชะลาแล้ว หัวหน้าประธานชมรมก็หยิบแผนที่ออกมา มันเป็นแผนที่ถูกเขียนด้วยปากกาสีน้ำเงิน มันค่อนข้างดูยากเสียนิด รุ่นพี่อาคาเมะซากิจ้องมองอยู่ซักพักก่อนจะเงยหน้าและยิ้มเจือนให้กับทุกคนที่มองเธออยู่
“อ่านไม่ออกอ่ะ...สงสัยเราคงต้องถามเจ้าหน้าที่แทนแล้วล่ะ” อาคาเมะซากิพูดด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนได้ยิ้มก็หัวเราะกันเบาๆ คำพูดประโยคนี้ทำให้ความตื่นเต้นของสมาชิกเริ่มหายไปช้าๆ พวกเขาเริ่มออกเดินไปยังอาคารที่ใช้จัดแข่งทำขนมแห่งนี้ นี่คือโอกาสสำคัญของพวกเขาและทุกคนเองก็รู้ดี เพราะถ้าหากพวกเขาพลาดครั้งนี้ พวกเขาอาจจะไม่มีโอกาสอีกแล้วก็ได้ และหากไร้ซึ่งโอกาส ชมรมวิจัยขนมหวานก็คงจะต้องพบจุดจบแน่นอน และรุ่นพี่อาคาเมะซากิคงไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่นอน ทั้งห้ายังคงเดินบนท้องถนน วันนี้อากาศแจ่มใส หากแหงนมองไปบนท้องฟ้านั้นก็จะเห็นท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง ไร้ซึ่งเมฆและมีแดดอ่อนๆที่ลงมาอาบพื้นดิน ดูเหมือนเป็นฤกษ์ที่ดีไม่น้อย ในที่สุดทั้งห้าก็หยุดอยู่หน้าตึกสีน้ำตาลที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก มันเป็นตึกขนาดกลางสูงประมาณ 5 ชั้นได้ หน้าทางเข้ามีชื่ออาคาร เทียบกันแล้วดูเหมือนจะไม่ได้มาผิดที่แน่นอน
“เอาล่ะ...” ยูคิโยะพูดเบาๆก่อนจะเดินนำหน้า
ประตูกระจกที่เป็นประตูอัตโนมัติเลื่อนเองเมื่อรุ่นพี่ผมสีส้มเข้าใกล้ ประตูก็เลื่อนเข้าไปเอง ชมวิจัยขนมหวานเดินไปเข้าไปในอาคาร ภายนั้นก็มีคนมากมายยืนอยู่ อาจจะเป็นคนดูหรืออาจจะเป็นทีมงานหรืออาจจะเป็นคนที่มาเข้าชมการแข่งขัน ก็ไม่รู้เหมือนกัน ยูคิโยะเดินนำทีมไปที่หน้าเค้าเตอร์ ซึ่งหลังเค้าเตอร์นั้นก็มีคนนั่งรออยู่แล้ว ยูคิโยะบอกถึงเจตจำนงของชมรมวิจัยขนมหวานพร้อมกับยื่นใบสมัครให้ด้วย พนักงานที่อยู่หลังเค้าเตอร์ก็ยื่นมือรับแบบฟอร์มนี้ก่อนจะมองผ่านแว่นตาของตัวเอง ซักพักเธอก็วางกระดาษแผ่นนี้ลงบนโต๊ะ ก่อนจะบอกเกี่ยวกับรายละเอียดการแข่งขัน เคนและคนอื่นๆต่างขึ้นลิฟต์ไป ในขณะที่ลิฟต์กำลังเลื่อนขึ้นไปช้าๆนั้นเคนก็เกิดความรู้สึกเดจาวูขึ้นมา ใช่...เมื่อวานที่เขาไปเยี่ยมฟูจิวาระ เขาก็ต้องผ่านกระบวนการคล้ายๆกัน กล่องมหัศจรรย์เลื่อนขึ้นไปอย่างช้าๆ ทุกคนในลิฟต์เงียบสนิท ดูเหมือนจิตใจของทุกคนอยู่กับการแข่งขันที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ ไม่นานนักลิฟต์ก็ถึงที่ชั้นห้าหรือเป็นชั้นสูงสุดของอาคารแห่งนี้ ประตูลิฟต์เลื่อนออกช้าๆพร้อมกับเสียง “ติ๊ง” เมื่อประตูถูกเลื่อนออกไปก็ปรากฏเป็นโถงขนาดใหญ่ รอบๆนั้นมีโต๊ะทำครัวหลายโต๊ะตั้งอยู่เต็มไปหมด รอบๆห้องนั้นเต็มไปด้วยโต๊ะที่เต็มไปด้วยเครื่องครัววางไว้ หลังโต๊ะพวกนั้นก็มีผู้เข้าแข่งขันยืนอยู่หลายๆทีม พวกเขาต่างพูดคุยกันด้วยสีหน้าจริงจัง
“ดูเหมือนจะแย่แฮะ...” ยูคิโยะพูดขึ้นมาเบาๆ แต่โชคร้ายดูเหมือนมันไม่เบาพอที่สมาชิกชมรมจะไม่ได้ยิน
“ทำไมหรอครับ รุ่นพี่อาคาเมะซากิ?” เคนถามด้วยความสงสัย
ยูคิโยะได้ยินเสียงของรุ่นน้องของตัวเองก็สะดุ้งก่อนจะหันกลับมา ดูเหมือนเธอจะเผลอพูดอะไรที่ไม่ค่อยเข้าท่าออกไปแล้ว เธอหันกลับมายังรุ่นน้องของเธอ สายตาทั้ง 8 คู่จ้องเธอตาไม่กระพริบ ยูคิโยะถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มอธิบายให้ฟัง และเท่าที่เข้าใจคร่าวๆก็ประมาณว่าคู่ต่อสู้ของพวกเขานั้นล้วนแต่เป็นพวกมืออาชีพและเปิดร้านดังๆมาแล้วทั้งนั้น กล่าวก็คือโอกาสที่เด็ก ม.ปลาย ห้าคนจะชนะมืออาชีพได้นี่แทบจะไม่มีเลย สีหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีหน้าของความสิ้นหวังแทน รุ่นพี่ผมสีส้มเห็นแล้วก็รีบพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเริงร่าทันที
“แต่ไม่ต้องห่วง บางทีเราอาจจะฟลุ๊คชนะก็ได้ อย่าพึ่งหมดหวังไปนะ”
ถึงพูดไปแบบนั้นดูเหมือนสีหน้าของแต่ละคนก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่ จากคำพูดของรุ่นพี่อาคาเมะซากิแล้วเหล่าสมาชิกในชมรมเริ่มคิดแล้วว่าโอกาสที่จะชนะในการทำขนมครั้งนี้ แต่ไหนๆก็มาแล้ว ถึงแม้จะแพ้แต่อย่างน้อยๆก็ได้ลอง เหล่าสมาชิกวางอุปกรณ์ของตัวเองลงพื้น ทั้งห้ายืนล้อมวง แต่ไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไร เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมา เคนหันกลับไปก่อนจะเห็นผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ ผมของเธอนั้นเป็นสีน้ำตาล เธอมัดเปียสั้นๆไว้ทั้งสองข้าง ใบหน้าของเธอดูเย็นชาและไม่ค่อยเป็นมิตรเสียเท่าไหร่ นัยน์ตาสีเขียวของเธอนั้นสะท้อนเป็นภาพของเคนที่มองเธออยู่ เสื้อของเธอนั้นแดงก่ำ ไม่ว่าจะเป็นท่อนบนหรือท่อนล่างก็เป็นสีเดียวกันนั่น
“อ๊ะ คางามิน นี่นา เป็นไงบ้าง~” หญิงผมส้มทักด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสดใส
หากทว่าเข้าไปใกล้ๆเธอแล้ว หญิงคนนี้ก็เอามือดันไว้ไม่ให้หญิงผมส้มเข้ามาสวมกอด จะเรียกว่าทั้งสองคนเป็นเพื่อนกันดีรึเปล่านะ เพราะดูทางหญิงผู้หญิงสีแดงจะไม่ค่อยอยากนับผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนเสียเท่าไหร่ ทางยูคิโยะดูเหมือนจะยอมแพ้และถอยออกไปสองสามก้าว ทุกคนในชมรมวิจัยขนมหวานต่างมองผู้หญิงที่มีท่าทีเย็นชาคนนี้ และต่างสงสัยไปพร้อมๆกับว่าเธอเป็นใคร
“อ่อ ใช่นี่เพื่อนของชั้นตอนเด็กน่ะ คางามินน่ะ” รุ่นพี่ยูคิโยะแนะนำเพื่อนของเธอให้รู้จัก
“ก็บอกแล้วว่าอย่าเรียกชั้นด้วยชื่อเล่นนั้น...ชั้นไม่ชอบ” ผู้หญิงในชุดสีแดงพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญ
“เห....แต่ชั้นว่าน่ารักดีออก” สตรีผมสีส้มพยายามโน้มน้าว
หญิงในชุดสีแดงที่ถูกเรียกว่า “คางามิน” ไม่ได้พูดอะไรได้แต่ใช้มืออันเรียวบางของเธอแตะหน้าผากของเธอพลางส่ายหัวของตัวเองไปมา
“ชั้นชื่อซากุระ คางามิ เป็นนักเรียนจากโรงเรียนทำอาหารเลอ กอร์ดอง เบอร์* ยินดีที่รู้จัก” เธอพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งแซ่แต่ดูเหมือนที่เธอพูดเพราะเป็นมารยาท
(มันคือโรงเรียนทำอาหารในปารีซครับ)
ทั้งสี่คนต่างโค้งให้กับเธอ หากทว่าแต่ละคนก็ไม่ได้แนะนำตัวเองอะไรเท่าไหร่ เธอหันกลับไปก่อนจะตรงกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง ในกลุ่มของคางามินั้นดูเหมือนจะสวมชุดเครื่องแบบเดียวกันกับเธอหรือนั่นก็คือสีแดง เหลืออีกไม่กี่นาทีเท่านั้นการแข่งขันก็จะเริ่มขึ้น พวกเราคุยกันถึงกติกาอีกครั้ง ก็คือหลังจากที่โฆษกประกาศวัตถุดิบแล้ว เขาก็จะให้เวลา 3 นาทีในการเลือกผู้ที่จะเป็นตัวแทน ซึ่งสำหรับทางชมรมวิจัยขนมหวานแห่งคิโบว กาคุเอ็นแล้ว ไม่มีคนทำขนมเป็นนอกจากโคฮาคุและยูคิโยะดังนั้นไม่ว่าจะเป็นวัตถุดิบแบบไหน พวกเธอก็ต้องเป็นตัวแทนของคิโบว กาคุเอ็นอยู่ดี ในที่สุดการแข่งขันก็เริ่มขึ้นและทางโฆษกก็ประกาศวัตถุดิบที่ต้องใช้ ซึ่งในคราวนี้คือ “กีวี่”
“พยายามเข้านะครับ รุ่นพี่ซาโตนากะ รุ่นพี่อาคาเมะซากิ” เคนพูดอวยพรรุ่นพี่ทั้งสอง
“อื้อ Thank you มากนะเคน” สาวลูกครึ่งตอบด้วยรอยยิ้ม
หากทว่ายูคิโยะก็เงียบ ดวงตาของเธอนั้นจ้องมองไปยังอีกโต๊ะ ซึ่งเป็นโต๊ะที่หญิงในชุดแดงยืนอยู่ คางามิเองก็มองกลับมายังยูคิโยะที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ เคน ซาโยมิ และเก็นซุยเดินออกจากบริเวณการแข่งขันก่อนจะก้าวไปนั่งรวมกับผู้ชมคนอื่นๆที่อัฒจรรย์ แทบจะไม่มีที่ว่างบนที่นั่งนี้เลย ดูเหมือนหลายๆคนที่สนใจในด้านขนม ต่างเข้ามาดู รวมถึงเข้ามาเชียร์ทีมที่ตัวเองชอบ เคนกวาดตามองไปยังสามารถเห็นป้ายเชียร์ "คางามิ" ด้วยซ้ำ สัญญาณการแข่งขันเริ่มต้นขึ้น ทางทีมงานส่งมอบกีวี่ให้กับโต๊ะผู้เข้าแข่งทุกๆโต๊ะ เคนจ้องมองทั้งคู่ด้วยความตื่นเต้น ส่วนทางซาโยมิที่นั่งข้างๆนั้นได้แต่ประนมและอวยพรให้กับตัวแทนของโรงเรียนคิโบว กาคุเอ็น เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ สำหรับการแข่งนี้ เขาให้เวลาหนึ่งชั่วโมงในการทำขนมของตัวเอง จะเป็นอะไรก็ได้ ตราบใดที่ไม่หลุดกรอบของ “ขนม” หรือ “ของหวาน”
ยูคิโยะกับโคฮาคุต่างลงมือทำขนมกันด้วยความวุ่นวาย สีหน้าของทั้งคู่นั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด คงต้องบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เคนเห็นสีหน้าของพวกเธอที่ทำขนมด้วยสีหน้าตึงเครียด ปกติแล้วทุกครั้งพวกเธอมักจะยิ้มแย้มในเวลาแบบนี้ เหล่าคนดูนั้นต่างจดจ้องกับการแข่งขันและต่างเงียบเพื่อให้เหล่าผู้แข่งขันได้ใช้สมาธิกันอย่างเต็มที่ หญิงผมส้มเหลือบมองไปยังโต๊ะเดิม เธอมองไปที่คางามิที่กำลังทำขนมอยู่เหมือนกัน ทางนั้นดูเหมือนก็รู้ว่าตัวแทนจากคิโบว กาคุเอ็นกำลังมองตนอยู่ หญิงที่มีสีหน้าเย็นชาแหงนหน้ามองก่อนจะแสยะยิ้มราวกับเป็นการยิ้มเยาะอะไรอย่างนั้น เวลาของเหล่าผู้แข่งขันกำลังเดินไปและในที่สุดเวลาก็หมดในที่สุด เสียงประกาศหมดเวลานั้นดังกึกก้องไปทั่วหอประชุม เหล่าผู้เข้าแข่งขันทุกคนต่างหยุด ทีมงานต่างหยิบขนมที่จะให้ทางทีมงานตัดสินไป เหล่านักเรียนของคิโบวกาคุเอ็นต่างตรงมายังโคฮาคุและยูคิโยะ
“เป็นยังไงบ้างคะ รุ่นพี่?” ซาโยมิเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงและสงสัย
“ชั้นว่ารสชาติก็ดีแหละ....แต่สิ่งที่ชั้นเป็นห่วง คนอื่นๆจะทำได้ดีกว่ารึเปล่า” ยูคิโยะพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ทุกคนต่างรู้ว่าฝีมือของโคฮาคุและยูคิโยะในการทำขนมนั้นดีขนาดไหน แต่ในขณะเดียวกันทุกคนก็ตระหนักถึงความสามรถของทีมอื่นๆที่ดูเหมือนจะมากกว่าพวกตนเองมาก
“เอาเถอะ....เราทำเต็มที่แล้วต่อให้ผลจะออกมาแบบไหน เราก็ไม่เสียใจ เนอะ?” โคฮาคุพูดด้วยรอยยิ้ม
“อืม...” หญิงผมสีส้มตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เหล่ากรรมการเริ่มกินขนมของแต่ละทีม พร้อมกับพูดคุยกัน แต่เนื่องจากด้วยระยะที่ไกลจึงไม่สามารถทำให้แต่ละคนได้ยินได้ว่าทุกคนพูดอะไร เหล่าผู้แข่งขันทุกคนต่างตื่นเต้นกับช่วงเวลานี้ ช่วงเวลาที่จะตัดสินว่าใครเป็นผู้ชนะ และเป็นเวลาที่ตัดสินว่าชมรมวิจัยขนมจะอยู่รอดต่อไปรึเปล่า ซักพักนั้นโฆษกก็เดินออกมาทุกสายตาจับจ้องไปที่เขา ในมือของเขาถือแผ่นป้ายอะไรซักอย่างมาด้วย เขาก้มมองหนึ่งครั้งก่อนจะพูด
“การแข่งขันครั้งนี้เป็นการแข่งขันที่สูสีดั่งเช่นทุกๆปี เหล่ากรรมการได้ลิ้มรสขนมชั้นเลิศ”
“ถ้าหากเป็นไปได้ เราก็อยากให้ทุกคนเป็นผู้ชนะในการแข่งครั้งนี้ หากทว่าความปรารถนาของพวกเรานั้นเป็นไปไม่ได้”
“และจะมีผู้ชนะเพียงแค่ทีมเดียว”
“ซึ่งทีมนั้นก็คือ....”
ทุกคนในหอประชุมแห่งนี้ต่างลุ้นไปพร้อมๆกัน ไม่ว่าจะเป็นคนดูหรือเหล่าผู้เข้าแข่งขัน พวกเขาต่างลุ้นให้ชื่อที่โฆษกจะประกาศนั้นคือชื่อของ "ตนเอง"