“เอาล่ะ...ฟังนะ ออเดอร์ใหญ่ที่ว่านี่คือโมจิห้าสิบกล่อง ซึ่งป้าคนเดียวทำไม่ได้ ดังนั้นชั้นต้องฝากพวกเธอด้วยนะ” แม่ของซาโยมิพูดกับยูคิโยะและโคฮาคุที่กำลังผูกผ้ากันเปื้อน
“เคนคุง...ทำขนมเป็นรึเปล่าจ๊ะ?” ผู้เป็นแม่หันมาทางชายผมน้ำตาลที่ยืนห่างออกไป
“ไม่เป็นครับ...” เคนตอบไปตรงๆ
“งั้นซาโยมิ เคนคุง แล้วก็เก็นซุยคุงไปดูร้านและดูแลลูกค้าละกันนะ ร้านเราจะเปิดในอีกห้านาทีนี้แล้ว”
“ค่ะ แม่” พูดจบซาโยมิก็พาชายทั้งสองออกจากห้องครัว
พวกเขากลับมาตรงหน้าร้าน ซาโยมิบอกให้ชายร่างเล็กและชายร่างใหญ่หยุดรออยู่ในจุดที่เขายืน ซายามิเดินเข้ากลับเข้าไปในครัว ซักพักเธอก็เดินกลับมาพร้อมกับผ้ากันเปื้อนสีเขียวสองอัน เธอยื่นผ้ากันเปื้อนทั้งสองผืนให้ชายทั้งสองคน ดูเหมือนที่เธอหายไปเธอจะไปหยิบผ้ากันเปื้อนให้และสวมผ้ากันเปื้อนให้ตัวเอง เมื่อผ่านไป 5 นาที ซาโยมิก็เดินไปหน้าร้านก่อนจะพลิกป้ายว่า “เปิด” ซาโยมิกลับไปประจำหลังเค้าเตอร์ข้างๆกับเคน ส่วนเก็นซุยยืนอยู่นอกเค้าเตอร์ ไม่นานนักก็มีลูกค้าคนแรกเข้ามา เธอเป็นหญิงวัยกลางคน ร่างของเธอค่อนข้าวท้วม ผมของเธอนั้นหยิกศก
“อ๊ะ สวัสดีค่ะ คุณป้า” ซาโยมิก้มโค้งให้เป็นการแสดงความเคารพเช่นเดียวกันกับพนักร้านคนอื่นๆ
“สวัสดีจ๊ะ หนูซาโยมิ” ป้าคนนี้ตอบรับคำทักทาย
“เหมือนเดิมใช่ไหมคะ?” หญิงผมน้ำตาลเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอันอ่อนหวาน
“จ๊ะ” ป้าคนนี้ตอบ
ซาโยมิหยิบที่คีบออกมาพร้อมกับกล่องสีขาว เธอเริ่มคีบขนมลงไป เมื่อเธอคีบเสร็จเธอก็ยื่นที่คีบให้เคนเช็ด ชายผมน้ำตาลรับไว้ก่อนจะหยิบผ้ามาเช็ดที่คีบ ลูกสาวเจ้าของร้านปิดกล่องและนำกล่องขนมสีขาวใส่ถุงก่อนจะยื่นให้กับลูกค้าพร้อมกับบอกราคา คุณป้าคนนี้ยื่นเงินมาให้ ซาโยมิรับเงินไว้ก่อนจะใส่เงินไว้ในเครื่องคิดเงิน คุณป้าคนนี้รับถุงไว้ก่อนที่ซาโยมิและคนอื่นๆจะก้มโค้งเป็นสัญญาณว่า “ขอบคุณที่อุดหนุน”
“จะว่าไปแล้วนะ...สองคนนี้ใครหรอ? เพื่อน?”
“ค่ะ เป็นเพื่อนที่ชมรมวิจัยขนมหวานค่ะ ในห้องครัวยังมีรุ่นพี่อีกสองคนอยู่ด้วยนะคะ” ซาโยมิพูด
“หรอ ถ้างั้นป้าขอตัวล่ะ”
พูดจบเธอก็เดินออกจากร้านไป
“คุณโอคาเบะ คนนั้นเป็นลูกค้าประจำของร้านหรอครับ?” เคนที่ยืนข้างๆเอ่ยปากถาม
“อื้ม คุณป้าคนมะกี้เป็นลูกค้าร้านนี้ตั้งแต่ชั้นยังเด็กแล้วล่ะ” ซาโยมิพูดพร้อมเกาแก้มของตัวเองด้วยความเขินอาย
“โฮ่...” เคนพูดด้วยน้ำเสียงสนใจ
หากทว่าไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้พูดกันต่อ ก็มีลูกค้าอีกคนเข้ามา รอบนี้เป็นผู้ชายผมเหลืองๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปรอยยิ้ม เขาสวมเสื้อยืดและกางเกงขาสั้น เคนกับซาโยมิมองก็รู้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นใคร ดวงตาทั้งสองคู่มองเห็นร่างของชายคนนี้ก็เบิกโพลนด้วยความตะลึง เช่นเดียวกันเมื่อชายคนนี้มองเห็นชายหญิงที่ยืนอยู่หลังเค้าเตอร์ก็ตกใจเช่นเดียวกัน
“อาจารย์โซเรียวสวัสดีครับ / ค่ะ” ทั้งสามคนก้มโค้งให้กับอาจารย์ของตัวเอง
“อ่า สวัสดี ว่าแต่พวกเธอมาทำอะไรที่นี่เรอะ?” อาจารย์โซเรียวถามด้วยสีหน้างุนงง
“เอ่อ หนูเป็นลูกสาวเจ้าของร้าน ส่วนคุณทานากะกับคุณโยโรอิมาช่วยงานที่นี่ในฐานะคนในชมรมน่ะค่ะ”
โซเรียวฟังแล้วก็เดินออกไปจากร้านแปปหนึ่ง เขาไม่ได้ปิดประตูร้านจึงทำให้เด็กนักเรียนทั้งสามเห็นครูคนนี้แหงนมองดูชื่อป้ายร้าน เมื่อเขาลดศีรษะลง เขาก็เดินกลับเข้ามาในร้านพร้อมกับใช้มือของเขาเลื่อนปิดประตูไม้ ก่อนจะเดินตรงกลับมาหานักเรียนทั้งสามคนที่จ้องตนเองอยู่
“อ่อใช่...โอคาเบะนามสกุลเธอนี่นา” อาจารย์โซเรียวพูดกับซาโยมิ
หญิงผมน้ำตาลได้ยินแล้วก็หัวเราะแห้งๆก่อนจะพูดกับอาจารย์ของตัวเอง
“แล้วที่อาจารย์มาที่นี่มาทำไมหรอคะ?” ลูกเจ้าของร้านถามด้วยความสงสัย
“พอดีครูในห้องพักครูฝากให้มาซื้อขนมน่ะ เขาไม่ได้บอกว่าร้านอะไรแต่แค่ยื่นที่อยู่มาให้” อาจารย์หัวทองเล่าให้ฟัง
เขายื่นกระดาษแผ่นนั้นมาให้ กระดาษนั้นถูกพับเหลือเป็นชิ้นที่ไม่ใหญ่นัก ซาโยมิหยิบกระดาษแผ่นนี้ก่อนจะคลี่ออกดู บนกระดาษนั้นเป็นแผนที่ของร้านแห่งนี้ รวมถึงยังมีออเดอร์ที่เจ้าของกระดาษแผ่นนี้ต้องการอยู่ ซาโยมิเริ่มหยิบขนมที่ถูกเขียนลงบนแผ่นกระดาษนั้นทีละชิ้นก่อนจะจัดการเก็บใส่กล่อง เมื่อเขาเธอเก็บใส่กล่องครบแล้วเธอก็เอากล่องสีขาวนั้นใส่ลงถุงก่อนจะยื่นให้กับอาจารย์ของตัวเองพร้อมบอกราคาของขนมทั้งหมด อาจารย์โซเรียวได้ยินตัวเลขก่อนจะหยิบเงินมาให้ หญิงผมสีน้ำตาลรับไว้ก่อนจะโค้งเป็นการขอบคุณ
“งั้นก็เจอกันพรุ่งนี้ล่ะ” โซเรียวพูดก่อนจะเดินออกจากร้านไป
ดูเหมือนเคนยังไม่ต้องทำงานอะไรเลย ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ซาโยมิเดินออกจากเค้าเตอร์ก่อนจะตรงไปยังโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนักจากเค้าเตอร์เท่าไหร่ ในจังหวะที่ซาโยมิไปรับโทรศัพท์นั้นก็มีลูกค้าคู่หนึ่งเดินเข้ามา ลูกคู่นั้นเป็นคู่ชายหญิงทั้งคู่เดินควงแขนกันเข้ามา เคนและเก็นซุยโค้งให้ ในจังหวะที่เคนก้มโค้งเขาก็นึกออกอย่างหนึ่ง...เขาไม่รู้เลยว่าหน้าตาของขนมแต่ละชนิดเป็นยังไง เขาหันไปมองซาโยมิที่คุยโทรศัพท์อยู่ดูเหมือนเธอคงจะคุยกับคนในปลายสายอีกซักพัก
“ตัวเองอยากจะกินอะไรดี วันนี้เค้าเลี้ยงนะ” ฝ่ายชายพูดกับฝ่ายหญิง
“เอ..เค้าอยากกินโดนัทอ่ะ” ฝ่ายหญิงตอบ
“ถ้างั้นขอโดนัท 4 ชิ้นครับ” ฝ่ายชายหันมาพูดกับเคนที่ยืนอยู่หลังเค้าเตอร์
เคนคว้าที่คีบมาก่อนจะเตรียมคีบสิ่งที่ชายหญิงคู่นี้สั่ง หากทว่าไม่ทันที่เคนจะได้คีบอะไร ฝ่ายหญิงก็พูดขึ้นมา
“ไม่เอาแล้วอะ ขอเปลี่ยนเป็นเค้กช็อคโกแล็ตดีกว่า”
เคนเลื่อนไปจะคีบช็อคโกแล็ตแทน หากทว่าฝ่ายหญิงก็พูดอีกครั้ง เธอตัดสินใจเปลี่ยนไปเป็นโดนัทเหมือนเดิม เคนเลื่อนมือไป แต่ก็ไม่ทันไรฝ่ายหญิงก็เปลี่ยนใจเช่นเคย เคนอยากจะถอนหายใจให้เห็นแต่มันก็คงดูเสียมารยาท ชายหนุ่มผมน้ำตาลเลื่อนไปยังขนมที่เธอเปลี่ยนใจ แต่ไม่ทันที่เคนจะหยิบขนมขึ้น ฝ่ายหญิงก็เปลี่ยนใจอีกครั้ง เคนมองขึ้นไปก่อนจะเห็นซาโยมิที่ยังคงยืนคุยโทรศัพท์อยู่ เด็กฝึกงานเอาที่คีบไปจะคีบไปยังขนมที่แฟนของฝ่ายชายได้เอ่ยชื่อไว้ และเช่นเคยเธอก็ยังคงตัดสินใจไม่ได้
“ตัวเอง...ตัวเองเอาแบบนี้ไหม เอาเป็นอย่างละสองชิ้นดีไหม?” ฝ่ายชายเสนอขึ้นมา
“เอางั้นก็ได้” ฝ่ายหญิงยอมกับข้อเสนอฝ่ายชาย
เคนได้ยินแล้วก็อยากจะเดินไปขอบคุณผู้ชายคนนี้ที่ช่วยเขาไว้ เคนคีบโดนัทสองชิ้นลงไปในกล่องอีกล่องและคีบเค้กสองก้อนลงไปอีกล่อง เขาเอาทั้งสองกล่องแยกใส่ถุงคนละถุงก่อนจะยื่นให้ทั้งสองพร้อมคิดราคา เขารับเงินไว้ก่อนเก็บเข้าไปที่เครื่องเก็บเงิน คู่รักทั้งสองเดินออกจากร้านไป เคนก้มโค้งให้พร้อมกับกล่าวว่า “ขอบคุณที่อุดหนุนครับ” เมื่อทั้งคู่ออกจากร้านไป เคนก็ถอนหายใจ ช่างเป็นลูกค้าที่ตัดสินใจยากจริงๆ แต่ก็เอาเถอะอย่างน้อยๆพวกเขาก็สั่งแค่โดนัทกับเค้กเท่านั้น ถ้าหากเป็นอย่างอื่นเขาอาจจะมีปัญหากว่านี้ก็ได้ ซาโยมิวางโทรศัพท์ลงก่อนจะเดินตรงไปยังครัว เมื่อหญิงผมสั้นเข้าไปในครัวนั้น เขาก็เห็นแม่ครัวทั้งสามกำลังทำโมจิกันอย่างขยันขันแข็ง เธอเหลือบมองไปใกล้ๆ ก่อนจะเห็นกล่องโมจิตั้งอยู่ตรงนั้นแล้วห้ากล่อง ดูเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี ซาโยมิเดินมาก่อนจะแจ้งข่าวจากลูกค้าของพวกตน
“แม่คะ ลูกค้าโทรมาบอกว่าจะโทรมารับขนมของเราตอนสี่โมงเย็นนะคะ”
“โอเคจ๊ะ” คุณแม่ตอบสั้นๆ
พูดจบซาโยมิก็กลับมาประจำที่หลังเค้าเตอร์เหมือนเดิม เวลายังคงดำเนินต่อไปตามปกติของมัน ในห้องครัวนั้นก็ยังคงยุ่งอยู่กับงานใหญ่อยู่ เช่นเดียวกันกับข้างหน้าที่ยังคงขายขนมหวานให้กับลูกค้าอย่างเรื่อยๆ หากทว่าไม่นานนักในครัวก็เจอปัญหาขึ้น คุณนายตระกูลโอคาเบะหยุดก่อนจะมองไปยังรอบๆครัว ท่าทางของเธอนั้นทำให้ยูคิโยะและโคฮาคุหยุดเช่นเดียวกัน
“มีอะไรหรอคะ คุณป้า?” ยูคิโยะเอ่ยปากถาม
“ป้าพึ่งคิดได้ว่าวันนี้ป้ายังไม่ได้ซื้อวัตถุดิบเลย และป้าก็คิดว่าถ้าป้าออกไปซื้อคงทำไม่ทันแน่ๆ” แม่ของซาโยมิพูดความในใจออกมา
“ถ้างั้นให้ซาโยมิจังไปซื้อได้ไหมคะ?” โคฮาคุเอ่ยปากถาม
“แบบนั้นก็จะไม่มีใครดูร้านน่ะซิ ป้าเชื่อว่าเคนคุงกับเก็นซุยคุงคงไม่สามารถดูร้านกันได้อย่างลำพังแน่ๆ” แม่ของซาโยมิจับคางก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
“แล้วถ้าให้เคนคุงและเก็นซุยคุงไปซื้อให้ล่ะคะ?” หญิงผมสีส้มถามต่อ
“แบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน เพราะตอนนี้คนเริ่มเยอะด้วย แถมของเยอะขนาดนี้ ป้าก็กลัวว่าไปคนเดียวจะไม่ไหว” แม่ของซาโยมิตอบ
“ผมไปคนเดียวได้ครับ” เสียงของคนนึงดังขึ้นมา
ทุกคนหันไปทางต้นเสียงก่อนจะเห็นชายร่างสูงยืนอยู่ ดูเหมือนเขาจะเป็นคนพูด
“ผมเป็นลูกชาวนามาก่อน ผมพอรู้เรื่องวัตถุดิบอยู่ อีกอย่างถ้าให้แบกของล่ะก็ สำหรับผมสบายๆ” ชายคนนี้พูด
“ถ้างั้นเก็นซุยคุง ป้าจะเขียนที่อยู่ให้และของที่ต้องซื้อนะ”
แม่ของซาโยมิเดินไปหยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ก่อนจะใช้ดินสอเขียนลงไปบนแผ่นกระดาษก่อนจะยื่นให้กับชายร่างยักษ์ ชายร่างยักษ์คนนี้รับไว้ก่อนจะรีบมุ่งออกจากร้าน ในขณะที่ร้านคนเริ่มเยอะ แถวเริ่มต่อยาวออกไปจนถึงนอกร้าน อาจจะเพราะร้านเล็กกระมั้งจึงทำให้ลูกค้าบางส่วนต้องรอนอกร้าน เก็นซุยขึ้นจักรยานสีเขียวก่อนจะรีบปั่นออกไป ขนมหวานยังคงขายต่อไปเรื่อยๆ ขนมเริ่มน้อยลงเรื่อยๆ บางอย่างเริ่มหมด เวลายังคงดำเนินต่อไปและยิ่งใกล้ถึงเส้นตายเรื่อยๆ และในที่สุดเกนซุยก็กลับมา เคนรีบวิ่งไปช่วยแบกวัตถุดิบเขาขนมาไม่ว่าจะเป็นถุงแป้งหรืออะไรต่างๆ เกนซุยไปนั่งกับเก้าอี้เตรียมไว้ก่อนจะหอบ เมื่อเคนส่งวัตถุดิบกลับไปในห้องครัว แล้วก็หันมามองเกนซุย เขาก็สังเกตเห็นแผลบนหน้าของเกนซุย แผลนั้นยังดูสดอยู่ ดูเหมือนแผลนี้จะพึ่งเกิดเมื่อครู่นี้
“คุณโยโรอิ...แผลนี้มาจากไหน?” เคนถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร ตอนไปรีบน่ะ ก็เลยล้ม” เก็นซุยตอบพลางเอามือจับแผลของตัวเอง
“งั้นหรอครับ...ขอบคุณที่ลำบากนะครับ” เคนก้มโค้งให้
ไม่นานเส้นตายก็มาถึง รถตู้สีขาวจอดหน้าร้าน ก่อนที่คนขับรถจะก้าวออกมา เขาเห็นชายวัยกลางคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย้น ผมของเขานั้นเป็นสีเทาเป็นการบ่งบอกได้ว่าชายคนนี้อีกไม่นายเส้นผมของเขาจะขาวโพลนเป็นหิมะ เขาเดินมาก่อนจะเห็นกล่องโมจิตามจำนวนที่เขาต้องการวางไว้อยู่แล้ว ซึ่งมันก็ทำให้เขายิ้มออก เคนกับเก็นซุยช่วยกันยกก่อนจะเอาใส่ไว้ท้ายรถของชายคนนี้ ชายคนนี้ยื่นเงินในซองให้กับคุณนายตระกูลโอคาเบะก่อนจะขับรถจากไป แม่ของซาโยมิเปิดซองออกก่อนจะหยิบเงินส่วนนึงมาให้คนในชมรมทั้งหมดสี่คน
“ถือว่าเป็นค่าที่มาช่วยป้าก็แล้วกัน”
“แต่ว่าพวกเรารับไม่ได้หรอกค่ะ ประสบการณ์แค่นี้ก็คุ้มค่าพอแล้วค่ะ” ยูคิโยะปฏิเสธ
“รับไปเถอะน่า ถือว่าเป็นค่าขนมก็แล้วกัน” แม่ของซาโยมิไม่ยอมที่จะให้เหล่าชมรมวิจัยขนมหวานปฏิเสธเงินตรงนี้
เมื่อทั้งสี่รับเงินเสร็จแล้วก็มุ่งหน้ากลับบ้าน ทั้งสี่บอกลาคุณแม่ของซาโยมิและตัวซาโยมิเอง มันเป็นอีกวันที่เหนื่อยไม่น้อย ทั้งสี่ขึ้นไปยังรถไฟสีเขียว ไม่รู้มันคือขบวนเดียวกันกับที่ขึ้นตอนเช้ารึเปล่า แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้สนใจหรอก เมื่อเข้าไปในรถไฟนั้นก็เห็นที่ว่างมากมาย ทำให้เหล่าสมาชิกชมรมวิจัยขนมหวานลงไปนั่งบนที่นั่ง รถไฟเริ่มเคลื่อนออกจากสถานีช้าๆ
“นี่ เคนคุง” เสียงของรุ่นพี่ซาโตนากะที่นั่งอยู่ข้างๆพูดขึ้นมา
เคนหันไปตามเสียงก่อนจะเห็นโคฮาคุนั่งอยู่ ข้างๆเธอนั้นมีรุ่นพี่อาคาเมะซากิที่หลับอยู่ หัวของประธานชมรมนั้นพิงอยู่บนไหล่ของโคฮาคุ
“วันนี้สนุกจังเลยนะ...พรุ่งนี้เราก็มาพยายามด้วยกันนะ” รุ่นพี่ผมน้ำตาลพูด
“ครับ” เคนยิ้มก่อนจะตอบรับ