หลังจากเหตุการณ์กระโดดตึกของฟูจิวาระ ก็ทำให้โรงเรียนต้องประกาศหยุดเรียนในวันนั้น เหล่านักเรียนต่างเดินกลับบ้านหรือไม่ก็ต่างท่องเที่ยวกับสหายของเขาต่อ บางคนอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องโชคดีที่พวกเขาได้หยุดวันนี้ แต่หากทว่าชายผมน้ำตาลที่ชื่อว่าเคนนั้นเขาไม่ได้คิดเช่นนั้น เขายืนอยู่ในรถไฟฟ้าในมือของเขากุมราวเหล็กอยู่ หัวของเขานั้นไม่ได้คิดถึงอะไรเลยนอกจากเรื่องของฟูจิวาระ รถไฟยังคงขับเคลื่อนไปตามรางเรื่อยๆ ก่อนที่ไม่นานนักรถไฟจะหยุดลงพร้อมกับประกาศชื่อสถานี เคนก้าวเท้าลงจากรถไฟก่อนจะมุ่งหน้าออกจากสถานี เขายังคงเดินต่อไป เสียงฝีเท้าของเหล่าผู้คนที่เหยียบลงไปบนพื้นดังเป็นจังหวะพร้อมๆกัน พวกเขาเหล่านั้นไม่มีทีท่าจะหยุดเดินเลยแม้แต่น้อย เพราะพวกเขาก็ต่างมีเป้าหมายที่จะไปมุ่งไปเหมือนกัน
เคนหยุดอยู่หน้าโรงพยาบาล ข้างหน้านั้นมีรถพยาบาลจอดอยู่ พร้อมกับมีบุรุษพยาบาลที่เข็นรถเข็นที่มีคนไข้นั่งอยู่ไปมาตาม เคนเดินผ่านประตูอัตโนมัติที่เปิดเองเมื่อร่างของชายอยู่ใกล้กับประตู เขาก้าวเท้าเข้าไปก่อนจะมองไปรอบๆ เขาเห็นเหล่าคนไข้ที่นั่งอยู่กันเต็มไปหมด ส่วนใหญ่คนไข้ที่นั่งตรงนี้นั้นก็จะเป็นแค่คนไข้ที่ไม่ได้ป่วยอะไรมาก อาจจะแค่หวัดหรืออาจะแค่มีไข้แค่นั้น จะว่าไปแล้วเคนไม่ได้มาเหยียบโรงพยาบาลมานานเท่าไหร่แล้วนะ เพราะปกติถ้าเขาไม่สบาย ชายหนุ่มผมน้ำตาลก็แค่กินยาและพักผ่อนให้มากๆ ถ้าให้ย้อนกลับไปว่าเขามาเหยียบโรงพยาบาลครั้งล่าสุดเมื่อไหร่ ก็คงต้องเป็นช่วงชั้นประถมเลยก็ว่าได้
“เอ่อ...ห้องของคุณฟูจิวาระ ทาดาโยชิ อยู่ห้องไหนหรอครับ?” เคนถามพนักงานที่นั่งอยู่หลังเค้าเตอร์สีขาว
“ซักครู่นะคะ” ผู้หญิงที่ถูกถามตอบก่อนจะหันหน้าไปทางคอมพิวเตอร์
เสียงนิ้วของเธอที่กดลงคีย์บอร์ดนั้นดังขึ้นเป็นระยะๆ ประกอบไปพร้อมๆกับเสียงโทรศัพท์และเสียงประกาศของโรงพยาบาลดังอยู่เป็นเสียงประกอบในภายหลัง ซักพักนึงเธอก็บอกห้องที่ฟูจิวาระอาศัยอยู่ เคนก้มโค้งให้เป็นการแสดงความขอบคุณก็จะขึ้นลิฟต์และตรงไปยังห้องของฟูจิวาระ เขายืนรออยู่ลิฟต์ ชายหนุ่มผมน้ำตาลมองไปยังหน้าจอที่มีตัวเลขแสดงอยู่ ตัวเลขนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดตัวเลขก็หยุดลงที่เลข “7” ประตูลิฟต์ถูกเลื่อนออกช้าๆ เมื่อประตูถูกเลื่อนออกจนสุด เคนก็ก้าวเท้าออกไป เขาหันไปก่อนจะเห็นทางเดินที่กว้าง ไม่ว่ามองไปทางไหนก็เจอแต่กำแพงที่ถูกทาด้วยสีขาว และประตูที่มีสีเดียวกันกับกำแพง เคนเดินไปพร้อมกับกวาดสายตามองและพูดพึมพำตัวเลขห้องของฟูจิวาระไปด้วย
“อ๊ะ เจอแล้ว” เคนพูดก่อนจะเดินตรงไปยังห้องที่เขียนว่า 708
เขาใช้มือเคาะประตู ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป เขาแง้มประตูช้าๆก่อนที่เขาจะเห็นแผ่นหลังของผู้หญิงที่ดูมีอายุแล้วนั่งอยู่ เธอนั่งข้างๆกับชายผมดำที่ดวงตาของเขาปิดอยู่ เขาสวมหน้ากากช่วยหายใจ เสียง “ติ๊ด” ที่ดังขึ้นเป็นจังหวะๆเป็นการบ่งบอกว่าชายคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ดังขึ้นเป็นระยะๆ ผู้หญิงที่นั่งอยู่นั้นหันมาทางด้านของเคน ใบหน้าของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโศกและบนใบหน้าอันเหี่ยวย่นของเธอก็มีคราบน้ำตาที่ไหลผ่านแก้มของเธอ ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะเป็นแม่ของฟูจิวาระ เคนก้มศีรษะให้เพื่อเป็นการเคารพเธอ ผู้เป็นแม่ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนจะโค้งให้เช่นกัน
“เอ่อ ผมทานากะ เคนครับ เป็นเพื่อนของฟูจิวาระ...” ชายหนุ่มผมน้ำตาลแนะนำตัวก่อนจะหยุดพูดครู่นึง
“อาการของ ฟูจิวาระ เป็นยังไงบ้างครับ?” เคนเอ่ยปากถาม
“หมอบอกว่ากระดูกหักไปหลายซี่เหมือนกัน...และดูเหมือนอวัยวะภายในจะได้รับการกระทบกระเทือนไม่น้อย” ผู้เป็นแม่ตอบ
“ห้าสิบ ห้าสิบ...” แม่ของฟูจิวาระพูดถึงโอกาสรอดของชายหนุ่มผมสีดำนี้
เคนไม่ได้พูดอะไรก่อนจะลากเก้าอี้อีกตัวมา ก่อนจะนั่งลงไป เขามองใบหน้าของฟูจิวาระที่ยังคงหลับใหลอยู่ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะเหตุใด ชายผมดำถึงพยายามจะจบชีวิตตัวเอง แต่นั่นก็ไม่สำคัญเพราะถึงแม้จะรู้ถึงเหตุผล หากชายคนนี้ไม่รอด มันก็เท่านั้น เคนนั่งมองเขาตาไม่กระพริบ เช่นเดียวกันกับแม่ของฟูจิวาระที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิมของเธอก่อนจะใช้มือของเธอจับมือลูกชายของเธอไว้ ดวงตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เคนก็ได้แต่มองดวงตาของผู้เป็นแม่ที่กำลังจ้องมองร่างที่ไร้สติของลูกชายตนเอง
เสียงเปิดประตูดังขึ้นอีกครั้ง เคนกับแม่ของฟูจิวาระหันไปตามเสียงประตู คราวนี้ผู้ที่เปิดประตูเป็นผู้ชายผมสีทองเดินเข้ามา ในมือของเขานั้นถือกระเป๋านักเรียนอยู่ด้วย ทุกๆครั้งที่เคนเห็นใบหน้าของชายคนนี้ เขาก็เกิดข้อสงสัยทุกทีว่าชายคนนี้มีดวงตาสีอะไรกันแน่ สีเหลือง? หรือจะเป็นสีเขียว แต่นั่นไม่น่าใช่ประเด็นที่เคนควรจะสนใจเท่าไหร่ ชายคนนี้เดินมาก่อนจะก้มโค้งให้กับคุณแม่ของฟูจิวาระ เมื่อคุณแม่ของฟูจิวาระเห็นชายคนนี้แล้วเธอก็ก้มโค้งให้เช่นกัน ถ้าหากนึกตามเรื่องที่ฟูจิวาระเล่าให้เคนฟังแล้ว ดูเหมือนทั้งคู่จะรู้จักกัน
“อาการของทาดาโยชิเป็นไงบ้างครับ คุณแม่?” คิโยชิเอ่ยปากถาม
ผู้เป็นแม่พูดแบบเดียวกันกับแบบที่เธอพูดกับเคน คิโยชิยืนฟังอยู่ก็พยักหน้าไปตามที่เธอเป็นการส่งสัญญาณว่าตัวเขานั้นยังคงตั้งใจฟังอยู่ เมื่อเธอพูดจบนั้น คิโยชิก็เดินตรงไปยังร่างของฟูจิวาระที่นอนบนเตียง เขาไม่ได้พูดอะไร หัวหน้าชมรมเหลือบไปเห็นเคนที่นั่งอยู่ เคนรีบลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนจะก้มโค้งให้กับคิโยชิที่ยืนอยู่ เมื่อชายผมสีทองเห็นชายผมน้ำตาลแล้วเขาก็ยิ้มให้ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร
=====
เสียงของกระป๋องกาแฟตกกระทบลงมาดังขึ้น ชายหนุ่มผมสีทองก้มลงไปก่อนจะหยิบกาแฟออกมาจากช่องหยิบ คิโยชิหยิบกาแฟออกมาสองกระป๋องก่อนจะยื่นไปให้กับเคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับตู้กาแฟอัตโนมัติ ชายหนุ่มผมน้ำตาลก้มโค้งไว้ก่อนจะรับกระป๋องกาแฟสีดำจากรุ่นพี่ของเขา เคนใช้นิ้วของเขาเปิดกระป๋องออก เช่นเดียวกันกับรุ่นพี่ของเขา ทั้งคู่เริ่มยกกาแฟดื่มท่ามกลางเสียงผู้คนที่เดินผ่านไปมาในทางเดินแห่งนี้ ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาดื่มกาแฟในมือของตัวเอง คิโยชิโยนกระป๋องที่เขาถืออยู่ในมือลงไปในถังขยะ ก่อนจะหันมาพูดกับเคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆกับตน
“ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกนั้นจะแกล้งฟูจิวาระ”
เคนได้ยินแล้วก็ทำหน้างงๆกับสิ่งที่ประธานชมรมศิลปะป้องกันตัวคนนี้พูดขึ้น เขาหันมาก่อนจะเห็นสีหน้าของเคนที่ดูงงๆแล้วก็ทำให้เขาตัดสินใจพูดต่อ
“ก็คนที่แกล้งฟูจิวาระน่ะ เป็นคนในห้องของชั้นน่ะ”
“อ่อครับ...” เคนพูดพลางกระดกกระป๋องกาแฟ
ว่าแล้วเคนก็เดินไปก่อนจะทิ้งถังขยะของเขาลงไปยังถังขยะที่ไว้ทิ้งสำหรับที่ทิ้งกระป๋อง เสียงกระป๋องกาแฟสีดำนั้นตกกระทบกับกระป๋องชนิดอื่นที่อยู่ในนั้นแล้ว
“เคน...นายปิดบังอะไรชั้นรึเปล่า?” ชายหนุ่มผมสีทองพูดขึ้น
เคนได้ยินก็สูดหายใจลึกๆก่อนจะเริ่มเล่าสิ่งที่เขาได้ยินจากฟูจิวาระ ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่ เคนก็เล่าจนจบ เพราะเขาสามารถจดจำเรื่องราวของชายคนนี้ได้ดี ทุกๆอย่างที่ออกมาจากปากของเคนนั้นคือสิ่งที่เขาได้ยินจากฟูจิวาระทุกอย่าง ไม่มีการแต่งเติม ไม่มีการดัดแปลง เมื่อเขาเล่าจนจบนั้น คิโยชิก็ไม่ได้พูดอะไรทันทีแต่กลับเลือกจะนั่งลงไปบนเก้าอี้ของโรงพยาบาล เคนมองใบหน้าของชายคนนี้ซึ่งมันเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน เขาบ่นพึมพำอะไรซักอย่าง เคนไม่สามารถได้ยินว่าเขากำลังพูดอะไรอยู่
“รุ่นพี่มาซาฮิโระ...เชื่อในสิ่งที่ฟูจิวาระเล่ารึเปล่าครับ?” เคนเอ่ยปากความคิดเห็นของรุ่นพี่
“ชั้นเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...แต่ชั้นเชื่อนะว่าฟูจิวาระพูดจริง” รุ่นพี่ปีสองตอบกลับ
“ทำไมล่ะครับ?” เคนเอ่ยปากถามต่อ
“ฟูจิวาระน่ะ...เป็นคนที่ห่วงความรู้สึกของคนอื่นจะตายไป และชั้นก็รู้นะว่าหมอนั่นรักมานามิมาก”
“มันไม่มีทางนอกใจเธอหรอก” ฟูจิวาระพูด
“แล้วนายล่ะ...เชื่อในเรื่องของฟูจิวาระรึเปล่า?” คิโยชิเอ่ยปากถาม
เคนได้แต่ยืนเงียบก่อนจะยืนคิดในสิ่งที่ชายผมสีทองพูด แล้วเขาล่ะ...เชื่อไหม?
=====
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นหน้ากระดาษแผ่นไหนหรือไม่ว่าจะเป็นข่าวโทรทัศน์ช่องใดก็ตามก็ต่างเต็มไปด้วยเรื่องราวของฟูจิวาระ รายการวิเคราะห์ข่าวต่างหยิบประเด็นนี้มาพูดกันอย่างสนุกสนาน รวมถึงยังมีการขุดคุ้ยข่าวของฟูจิวาระที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่แล้วมาพูดขึ้นมาใหม่ บ้างก็ต่อว่าฟูจิวาระกับสิ่งที่เขาทำและพูดว่าเขาควรจะสมควรรับโทษแบบนี้แล้วหรือบ้างก็บอกว่าคนที่รังแกฟูจิวาระไม่ควรจะทำแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะมีความคิดแบบไหนก็แล้วแต่ คิโบว กาคุเอ็นก็กลับมาเปิดเรียนปกติ เหล่านักเรียนก็ต่างมุ่งไปยังโรงเรียนแห่งนี้ เช่นเดียวกันกับเคน เสียงของคิโยชิที่พูดกับเขาเมื่อวานยังคงก้องกังวานอยู่ในหัวของเขา
“เชื่อหรือไม่เชื่อ”
นั่นคือสิ่งที่เคนคิดอยู่เสมอมา เขาอยากจะเชื่อนะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็กลัวว่าถ้าหากเขาเชื่อคนผิด มันก็ไม่ต่างอะไรกับการที่เขาไปสนับสนุนให้คนทำผิดนั่นแหละ ในขณะที่เคนเดินอยู่นั้นเขาก็คิดอะไรได้อย่างหนึ่ง...พรุ่งนี้ชมรมวิจัยขนมหวานนั้นมีแข่งทำขนม ถ้าหากพวกเขาชนะได้ ก็จะปลอดภัยจากการถูกยุบชมรม ชายหนุ่มผมน้ำตาลถอนหายใจ ดูเหมือนช่วงนี้จะมีอะไรให้เขาคิดเยอะเลยทีเดียว ชายหนุ่มผมน้ำตาลยังคงก้าวเท้าต่อไปก่อนที่เขาจะก้าวไปยังตู้เก็บรองเท้าของเขา ชายหนุ่มผมน้ำตาลถอดรองเท้าของเขาก่อนจะเก็บเข้าไปในตู้ล็อคเกอร์ เคนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเอามือตบใบหน้าของตัวเอง
“เอาล่ะ...”
พูดจบชายผมน้ำตาลก็เดินตรงไปยังห้องเรียน หากทว่ามันไม่ใช่ห้องเรียนของตัวเขาเอง แต่เป็นห้องเรียนของพวกปีสอง เขาเดินขึ้นไปก่อนจะตรงไปยังห้องเรียนของคิโยชิ แต่ถึงอย่างนั้นเขาไม่ได้ไปหารุ่นพี่ประธานชมรมศิลปะป้องกันตัว แต่เป็นอย่างอื่นที่เขาหาต่างหาก เคนรวบรวมความกล้าอีกครั้งก่อนจะเลื่อนประตูออก เมื่อประตูถูกเลื่อนออกไปนั้น เขาก็เดินตรงเข้าไป ทุกสายตาในห้องต่างจับตามองไปที่เขา ชายผมน้ำตาลกวาดสายตารอบๆก่อนจะมองหากลุ่มผู้หญิงสามคนที่เคยรังแกเขามาก่อน ไม่นานนักเขาก็เจอผู้หญิงทั้งสามกำลังนั่งเกาะกลุ่มกันอยู่ เคนเดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นแผ่วเบา
“ฟูจิวาระกระดูกหักหลายซี่และอวัยวะได้รับการกระทบกระเทือน...สาแก่ใจแล้วซินะครับ?”
ผู้หญิงทั้งสามทำหน้างงๆกับสิ่งที่เคนพูด
“สาแก่ใจแล้วซินะครับ!!” เคนตะโกนพร้อมกับเอามือทุบลงไปบนโต๊ะ
เสียงนี้ทำให้ทุกคนหันมามองเคนกันหมด ผู้หญิงทั้งสามก็ต่างมองหน้ากันก่อนจะหันกลับไปทางเคนที่ยืนอยู่
“ใช่...สาแก่ใจแล้ว คนชั่วๆแบบนั้น มันก็ควรจะโดนแบบนั้นแล้ว”
“ชั้นว่าน่าเสียดายด้วยซ้ำนะที่มันไม่ตายน่ะ” ผู้หญิงคนนึงในกลุ่มพูด
“นั่นซินะครับ...นั่นซินะครับ...อย่าพูดเป็นเล่นไปหน่อยเลย!!” เคนพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว
“พวกคุณตัดสินฟูจิวาระเป็นคนเลวเพราะอะไร? เพราะเขาเล่นชู้จนโดนแทงงั้นหรือ? หรือเพราะเขาหลอกผู้หญิง?”
เคนหยุดพูดซักพักก่อนจะสูดหายใจและพูดต่อ
“ผมก็ไม่รู้นะว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่า...และถ้าเป็นจริงฟูจิวาระก็คงเป็นผู้ชายที่น่ากลัวและเลวจริงๆ”
“แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือพวกที่คิดว่าตัวเองคือความยุติธรรมและคอยตัดสินว่าคนนี้เลว คนนี้ดี”
“ทั้งๆที่ยังไม่รู้ความจริงอะไรเสียด้วยซ้ำ พวกคุณรู้ไหมว่าในตอนนี้พวกคุณน่ะไม่ต่างกับ...”
“ไม่ซิ พวกคุณน่ะเลวยิ่งกว่าฟูจิวาระซะอีก”
คำพูดประโยคนี้ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มลุกขึ้นมาก่อนจะแกว่งแขนของเธอและตบเข้าไปยังใบหน้าของเคนเต็มๆ เสียงตบนั้นดังมาก และก็สร้างรอยแดงบนหน้าของเคน หากทว่าชายหนุ่มผมน้ำตาลยังคงจ้องมองพวกเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเปลวเพลิงของความโกรธ เสียงระฆังดังขึ้นมา เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าโรงเรียนได้เริ่มขึ้นแล้ว เคนหันหลังกลับไปก่อนจะเดินออกไปจากห้อง ผู้หญิงทั้งสามคนนั่งกลับไปที่เดิม พวกเธอนั้นถูกคนทั้งห้องจับตามอง เช่นเดียวกันกับคิโยชิที่นั่งอยู่ที่มุมห้อง ภาพและเสียงที่เขาคุยกับเคนเมื่อวานไหลย้อนขึ้นมา
“ผมเองก็ไม่รู้หรอกครับว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง”
“แต่ผมคิดว่าสิ่งที่พวกเธอทำนั้น....ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง”
"และผมก็คงปล่อยไว้ไม่ได้"