ไม่นานนักเรื่องความรักของฟูจิวาระก็ถูกกระจายไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว เร็วยิ่งกว่ารถไฟหัวกระสุนหรือเครื่องบินเสียอีก เมื่อฟูจิวาระก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียน ทุกสายตาจับจ้องเขาเป็นสายตาเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นทั้งชายทั้งหญิง ทุกคนต่างพูดถึงชายคนนี้ทั้งนั้น เสียงซุบซิบดังขึ้นตลอดทางที่มีร่างของชายคนนี้อยู่ แต่ถึงกระนั้นชายผมดำคนนี้ก็ไม่สนใจเสียงซุบซิบเหล่านั้นสิ่งเดียวที่เขาสนใจนั้นก็คือตอนนี้เขาได้เป็นแฟนกับ “เทพธิดาแห่งความหวัง” แล้ว ฟูจิวาระเดินอย่างมีความสุข เขาเดินไปถึงห้องเรียนของตัวเองก่อนจะเลื่อนประตูช้าๆ ไม่ต่างกันกับภายนอกเมื่อเหล่าเพื่อนร่วมห้องของเขาก็มองมาที่เขาก่อนจะพูดคุยกันอย่างเงียบๆ แต่เช่นเคยฟูจิวาระก็ไม่ได้แคร์อะไรก่อนจะตรงไปนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง ข้างๆเขานั้นมีสหายของเขาที่ชื่อคิโยชินั่งกอดอกอยู่ ใบหน้าของเขายิ้ม ก่อนจะพูดกับฟูจิวาระที่กำลังนั่งลงบนเก้าอี้
“ร้ายไม่เบาเลยนะเพื่อน ชั้นไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะได้เป็นแฟนกับเทพธิดาแห่งความหวังน่ะ”
“เอาจริงๆชั้นก็ไม่อยากจะเชื่อเลยเหมือนกันว่ารุ่นพี่มานามิจะรับรักของชั้น” ฟูจิวาระเมื่อเขานั่งลงบนเก้าอี้
“ว่าแต่นายเหอะ ชั้นได้ยินว่านายก็มีสาวๆมาสารภาพรักเยอะนี่...เป็นไงบ้างล่ะ?” ชายผมดำผู้เป็นเพื่อนถามกลับ
“ปฏิเสธไปหมดแล้วล่ะ ตอนนี้ชั้นคิดว่าชั้นยังไม่พร้อมที่จะมีความรักน่ะนะ” คิโยชิตอบเพื่อนของตัวเอง
“งั้นหรอ...” ฟูจิวาระตอบสั้นๆ
บทสนทนาของทั้งคู่จบลงแต่เพียงเท่านี้ ในขณะที่คิโยชินั่งอยู่นั้นดูเหมือนเขาก็คิดอะไรออก ก่อนที่เขาจะพูดๆเบากับตัวเองว่า “นี่ก็ใกล้คริสต์มาสแล้วนี่นา...” พูดเสร็จแล้ว เขาก็หัวเราะคิกคักคนเดียว ฟูจิวาระที่นั่งข้างๆก็ได้แต่นั่งมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย ชายผมทองหันมาทางฟูจิวาระที่นั่งจ้องตนเองด้วยสายตามึนๆ เมื่อเขาเห็นสายตาแบบนี้แล้วก็ทำให้ชายผมทองพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ไม่มีอะไร ชั้นก็แค่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะ”
ดูยังไงก็โกหก...แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มที่กำลังอยู่ในห้วงของความรักก็ไม่ได้ถามต่ออะไร ซักพักนั้นมือถือของเขาก็ดังขึ้นมา ฟูจิวาระหยิบมือถือของเขาขึ้นมาดู มันเขียนว่า “มีข้อความใหม่หนึ่งข้อความ” ฟูจิวาระกดเข้าไปดูข้อความนั้น ก่อนที่จะเห็นข้อความจากแฟนสาวของตัวเอง ในข้อความนั้นเขียนสั้นๆเพียงคำว่า “รักนะ” พร้อมกับอีโมติค่อนรูปหัวใจที่อยู่ข้างหลัง ข้อความนื้ทำให้หัวใจของชายหนุ่มที่พึ่งได้สัมผัสรักหัวใจพองโต ก่อนจะยิ้มออกมา คิโยชิที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นเขายิ้มก็สามารถเดาได้ทันทีว่าชายคนนี้ยิ้มอะไร
เสียงเลื่อนประตูดังขึ้นมา ก่อนที่ชายผมสีทองจะเข้ามาในห้อง เขายังคงสวมสูทสีขาวเหมือนเดิม เห็นแล้วก็ทำให้เหล่านักเรียนอดสงสัยไม่ได้ว่าคุณครูหัวทองของพวกเขาเคยเปลี่ยนสูทรึเปล่า ในมือของเขายังคงถือแฟ้มเล่มสีดำเล่มเดิม เขาวางแฟ้มนี้ลงบนโพเดี่ยมก่อนที่เขาจะรับความเคารพของนักเรียนในห้อง 1-B ทุกคน เขาทำทุกๆอย่างเหมือนเดิมๆ ขานชื่อของเหล่านักเรียนในห้องก่อนจะเดินออกไปเมื่อเขาทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ครูประจำวิชาก็เข้าเป็นวัฎจักรวนเวียนอยู่เรื่อยๆ เอาจริงๆมันก็น่าเบื่อแหละ แต่ถึงกระนั้นฟูจิวาระก็ไม่ได้เบื่ออะไร เพราะตอนนี้หัวใจของเขาอยู่กับ “คาวากุจิ มานามิ” เป็นที่เรียบร้อย
เวลาพักกลางวันนั้นมาถึง ฟูจิวาระรีบลุกออกจากที่นั่งของตัวเอง โดยปกติแล้วชายผมดำคนนี้จะกินข้าวกับคิโยชิเพื่อนสนิทของเขา แต่หากทว่าตอนนี้อะไรๆมันก็เปลี่ยนไปแล้ว เขาถือข้าวกล่องของเขาก่อนจะตรงไปยังดาดฟ้า เขาเปิดประตูดาดฟ้าก่อนที่เขาจะเห็นผู้หญิงผมสีส้มที่นั่งอยู่รอตนเองอยู่แล้ว เมื่อเธอเห็นใบหน้าของแฟนหนุ่มตัวเอง เธอก็ยิ้มให้ ฟูจิวาระเองก็ยิ้มกลับก่อนจะเดินตรงไปนั่งข้างๆกับเธอ ทั้งคู่เปิดข้าวกล่องของตัวเองก่อนจะเริ่มกินอาหารที่อยู่ข้างใน ก้อนเมฆที่อยู่บนท้องฟ้านั้นเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ มันเป็นเรื่องที่ดีไม่น้อยที่เหล่าปุยนุ่นสีขาวเหล่านั้นรวมกลุ่มกัน เพราะมันช่วยบดบังแสงแดดที่ส่องลงมา
“นี่ทาดาโยชิ นี่ก็ใกล้จะคริสต์มาสแล้ว มีแผนจะไปไหนรึเปล่า?” รุ่นพี่ผมสีส้มพูดก่อน
“เอ๊ะ...เอ่อ ยังเลยครับ รุ่นพี่คาวากุจิ” แฟนหนุ่มตอบ
“ไม่ยุติธรรมเลยนะ...ชั้นเรียกนายว่าทาดาโยชิแล้วแท้ๆ นายเองก็เรียกชั้นว่ามานามิบ้างซิ” แฟนสาวพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“อ๊ะ เอ่อ โทษทีครับ มะ...มานามิ” แฟนหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเขินอาย
“แล้วมานามิล่ะ มีแผนจะไปเที่ยวไหนรึเปล่า?” ชายหนุ่มผมดำเปลี่ยนประเด็น
“ยังไม่มีเลย เพราะอย่างงี้ชั้นเลยอยากจะชวนนายไปเที่ยวน่ะ” มานามิชวน
ฟูจิวาระหยุดคิดซักพักก่อนที่จะพูดกับแฟนสาวของตัวเองที่นั่งข้างๆกัน
“ได้ซิ งั้นวันคริสต์มาสไปเที่ยวกัน” ฟูจิวาระตอบ
“อื้อ” มานามิได้ยินแล้วก็ยิ้มรับกับคำตอบของแฟนหนุ่มตัวเอง
=====
และแล้ววันที่ 25 ธันวาคม ก็มาถึง ฟูจิวาระที่สวมชุดกันหนาวสีดำนั้นกำลังยืนรอแฟนสาวของตัวเองอยู่ เขานั่งอยู่ตรงจตุรัสที่มีคู่รักหลายคู่เดินผ่านไปผ่านมา ชายหนุ่มผมดำถกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นมาเพื่อจะดูนาฬิกา ตอนนี้ก็เป็นเวลา 6 โมงเย็นแล้ว จริงๆแล้วทั้งคู่นัดกันไว้ตอนหกโมงครึ่ง แต่ด้วยความตื่นเต้นจึงทำให้ชายหนุ่มผมดำคนนี้มาถึงจุดนัดพบตั้งแต่ห้าโมงเย็น กล่าวคือตอนนี้เขารอมาได้ชั่วโมงนึงแล้ว บนท้องถนนนั้นถูกตกแต่งด้วยแสงไฟอย่างสวยงาม มันก็เป็นแบบนี้เกือบทุกปีนั่นแหละ แสงไฟ ภาพของคู่รักที่เดินผ่านไปผ่านมา มันก็เป็นดั่งเช่นนี้ทุกๆปี หากทว่าแม้สายตาคนภายนอกอาจจะเป็นเช่นนั้น แต่สำหรับฟูจิวาระนั้นก็ไม่ได้เหมือนเดิม เพราะในค่ำคืนอันหนาวเหน็บนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไป เวลายังคงเดินไปเรื่อยๆ ชายหนุ่มผมดำคนนี้ยังคงรอคอยต่อไป หิมะเริ่มโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า ฟูจิวาระแหงนหน้าไปก่อนจะเห็นหิมะที่ตกลงมาอย่างช้าๆ
“ทาดาโยชิ” เสียงตะโกนดังขึ้นมา
ฟูจิวาระหันไปตามเสียงใสๆก่อนจะเห็นมานามิใส่เสื้อกันหนาวสีชมพู พร้อมกับสวมกระโปรงที่สั้นถึงแค่หัวเข่าเท่านั้น เธอโบกมือให้กับฟูจิวาระ ชายผมดำเมื่อเห็นร่างของเธอก็ลุกขึ้นมาจากม้านั่งที่เขานั่งไปเป็นชั่วโมง ก่อนจะเดินตรงไปยังแฟนสาวของตัวเอง เธอหยุดต่อหน้าเขาก่อนจะเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงอันแสนอ่อนหวานของเธอ
“รอนานไหม?” เธอเอ่ยปากถาม
“ไม่นานเลย พึ่งมาถึงเหมือนกันเนี่ย” ฟูจิวาระตอบด้วยรอยยิ้ม
โกหก...แต่ถึงอย่างนั้นมานามิได้ยินคำตอบแล้วก็ยิ้ม เธอเอามือของเธอคล้องแขนของชายหนุ่มผมดำพร้อมกับยิ้มด้วยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความสดใสของเธอ
“ถ้างั้นเราก็ไปกันเลยดีกว่า”
พูดจบทั้งคู่ก็เริ่มเดินบนถนนที่เต็มไปด้วยผู้คน ทั้งคู่ทำกิจกรรมต่างๆร่วมกันมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตั้งแต่กินข้าวเย็นด้วยกันกินขนมด้วยกัน หรือแม้แต่ดูเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆด้วยกัน ทั้งคู่ต่างหัวเราะและพูดคุยไปด้วยกัน และทุกครั้งๆที่ฟูจิวาระเห็นรอยยิ้มของแฟนสาวคนแรกของตัวเองก็ทำให้เขาอดยิ้มไม่ได้และมีความสุขไปพร้อมๆกับเธอ เวลายังคงเดินไปเรื่อยๆ ก่อนที่ทั้งคู่รู้ตัวอีกทีตอนนี้ก็เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้ว อย่างวลีที่ว่าเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ ทั้งคู่ยังคงเดินบนถนนที่หิมะโปรยปรายลงมาบนพื้น แขนของทั้งคู่ยังคงคล้องติดกัน ท้องฟ้านั้นมืดเสียแล้ว แต่เพราะแสงไฟ จึงทำให้ไม่มืดเท่าไหร่
“นี่...ทาดาโยชิ” มานามิด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ทำไมหรอ มานามิ?” ฟูจิวาระถาม
“ชั้นหนาว...ช่วยไปพาชั้นไปที่อุ่นได้ไหม?” หญิงผมสีส้มพูดด้วยน้ำเสียงยั่วยวน
ฟูจิวาระได้ยินประโยคนี้แล้วก็ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ ชายหนุ่มผมดำสั่นก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงสั่นครอนของเขา
“แต่มานามิ...เราพึ่งคบกันได้ไม่นานเองนะ ทำเรื่องแบบนี้แล้วจะดีหรอ?”
“ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่...ชั้นรักทาดาโยชิและชั้นก็อยากจะทำให้คืนคริสต์มาสของเรา สมบูรณ์แบบนี่” แฟนสาวพูดด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจ
ฟูจิวาระเห็นดวงตาคู่นั้นของเธอแล้วก็ไม่สามารถปฏิเสธลงได้ก่อนที่จะพยักหน้าให้กับเธอ
=====
“อ่าครับ เดี๋ยววันนี้ผมคงไม่กลับบ้านนะครับ พอดีงานเลี้ยงที่บ้านคิโยชิยังไม่เลิกน่ะครับ”
“ครับ ครับ...เดี๋ยวเจอกันครับแม่” พูดจบเขาก็กดปุ่มวางสายก่อนจะวางไว้ข้างๆกับโคมไฟที่เปิดอยู่
ฟูจิวาระนั่งบนเตียงในสภาพที่มีเพียงแค่ผ้าขนหนูสีชมพูเท่านั้นที่ปกปิดบางส่วนของร่างกายเท่านั้น เขากวาดสายตาไปรอบๆในห้องนี้ มันมีอะไรมากมายวางอยู่ คงต้องพูดว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาใน “เลิฟ โฮเต็ล” เสียงของฝักบัวนั้นเป็นหนึ่งในสองอย่างที่เขาได้ยินในตอนนี้ อีกอย่างหนึ่งคือเสียงของหัวใจของเขา คงไม่ต้องอธิบายว่าทำไมหัวใจของเขาเต้นเร็วขนาดนี้ เสียงของฝักบัวหยุดลง มันยิ่งทำให้เสียงหัวใจของฟูจิวาระเต้นรัวกว่าเดิม เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นมา ก่อนที่จะปรากฏเป็นร่างของมานามิที่มีผ้าขนหนูสีชมพูปิดเรือนร่างของเธอ เธอเดินมาช้าๆก่อนจะนั่งลงข้างๆบนเตียงที่ฟูจิวาระนั่งอยู่ ความเงียบนั้นเข้าปกคลุมห้องนี้ ทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่ซักพักจะเป็นฝ่ายหญิงที่พูดก่อน
“เรา..มาเริ่มกันเลยดีกว่าไหม?” มานามิพูด
ฟูจิวาระไม่ได้ตอบแค่พยักหน้าให้กับเธอก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มประกรริมฝีปากเข้าหากัน ทั้งคู่ดึงผ้าขนหนูของตัวเองออกก่อนจะเริ่มบรรเลง “เพลงรัก” ไปพร้อมๆกัน มันเป็นความรู้สึกที่ฟูจิวาระเองก็บรรยายไม่ถูก แต่ถ้าให้พูดจริงๆก็คงเป็นความรู้สึกที่ “ดี” และ “เร้าร้อน” กระมั้ง และเมื่อบทเพลงจบลงทั้งคู่ก็นอนกุมมือกันพร้อมกับมองหน้ากัน ใบหน้าของทั้งคู่นั้นแดงฉ่า มินามิยิ้มให้กับฟูจิวาระที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่า เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มของเธอก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มเช่นเดียวกัน
“รักนะ” ฟูจิวาระเป็นฝ่ายพูดบ้าง
“อื้ม ชั้นก็รักนาย” ฝ่ายหญิงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
พูดจบฟูจิวาระก็หลับไป
“ฉึก”
เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้น ฟูจิวาระลืมตาตื่นขึ้นมา เพราะความเจ็บปวดอะไรบางอย่าง เขาหันไปด้านข้างก่อนจะไม่เห็นใครนอนอยู่ข้างกายเขาเลย เขาก็สงสัยว่ามานามิหายไปไหน ก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงได้ความเจ็บปวดตรงหน้าท้องของเขา ชายหนุ่มผมดำก้มไปที่หน้าท้องของตัวเองก่อนจะเห็นเลือดนั้นไหลออกมาจากหน้าท้องของตัวเอง ดวงตาของเขาเบิกโพลนด้วยความตกใจก่อนที่เขาจะแหงนหน้ามอง ก่อนจะเห็นผู้ชายคนนึงและมานามิที่สวมชุดแล้วยืนอยู่ ในมือของผู้ชายนั้นถือมีดอยู่ด้วย คมมีดนั้นเปื้อนไปด้วยเลือด ไม่ต้องสืบเลยว่าเลือดบนคมมีดนั้นคือเลือดของเขาเอง ชายหนุ่มผมดำสับสนไปหมด
“โทษทีนะ...ที่หลอกใช้นาย แต่ชั้นไม่เคยรักนายเลย”
“นายดันรู้ความรับของพวกเราเข้าให้ ชั้นก็คงปล่อยนายไว้ไม่ได้” มานามิเป็นฝ่ายพูด
คำพูดนี้ทำให้ฟูจิวาระสับสนไปหมด รวมถึงกับหัวใจแตกสลาย เขาดูจากดวงตาของเธอแล้ว สิ่งที่เธอพูดนั้นเธอไม่ได้พูดเล่นแน่ๆ ฟูจิวาระหมดสติไปอาจจะเพราะใจสลายหรืออาจจะเพราะเสียเลือดมากก็ไม่รู้ ร่างของเขาทิ้งลงไปบนเตียงอีกครั้ง เขายังคงได้ยินเสียงของทั้งคู่คุยกันอยู่ถึงจะไม่ชัดก็เถอะแต่เขาก็พอจับใจความได้ว่า “รีบหนีกันเถอะ” ก่อนที่ดวงตาของเขาจะปิดลงไป และสิ่งเดียวที่เขาเห็นคือความมืดมิด
=====
ภาพๆหนึ่งไหลเข้ามาในหัวของฟูจิวาระ ถ้าเขาจำไม่ผิดเรื่องนี้เกิดก่อนที่เขาจะคบกับมานามิ ชายหนุ่มผมดำเดินเข้าห้องน้ำเพื่อที่จะล้างมือของเขา หากทว่าในขณะที่เขากำลังจะเดินไปจะทำธุระนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้นมาในห้อง มันเป็นเสียงของผู้ชาย ดูเหมือนเขากำลังจะพูดโทรศัพท์อยู่
“ก็ให้มานามิจัดการไปซิวะ!!” เสียงคำพูดของเขานั้นดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
“ก็เรื่องแค่ส่งของแค่นี้ แกจะต้องมายุ่งอะไรกับชั้นอีก” เขาพูดต่อ
ฟูจิวาระที่กำลังล้างมืออยู่ก็หยุดด้วยความตกใจ เขาหันไปตามเสียง พร้อมกับสงสัยว่า “มานามิ” ที่ว่านั่นคือมานามิเดียวกันกับที่เขารู้จักรึเปล่า ประตูของห้องน้ำเปิดขึ้นมา ก่อนที่จะปรากฏเป็นชายร่างสูงคนนึง เขาสูงราวกับนักกีฬาอะไรอย่างนั้น สีหน้าของเขานั้นดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ เขาหันมามองฟูจิวาระที่กำลังจ้องมองเขาอยู่เหมือนกัน ชายคนนี้ส่งดวงตาที่เต็มไปด้วยความดุร้าย มันทำให้ฟูจิวาระต้องก้มโค้งขอโทษโดยที่เขายังไม่รู้เลยว่าเขาทำอะไรผิด ฟูจิวาระรีบล้างมือก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป
=====
ฟูจิวาระลืมตาตื่นขึ้นมา เขาหันมองรอบๆก่อนที่เขาจะอยู่ในโรงพยาบาล ข้างๆเขานั้นมีแม่ของเขาอยู่ด้วย ในห้องนั้นขาวโพลนไปหมด เขายังคงสามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดจากแผลที่อยู่หน้าท้องของเขา ชายหนุ่มผมดำเอามือกุมแผลของตัวเองที่ถูกพันด้วยผ้าพันแผลก่อนจะหันมาทางแม่ของตัวเองอีกครั้ง ดวงตาของแม่เขานั้นเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา ฟูจิวาระพอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่เขาไม่รู้คือเขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
“แม่ครับ...เกิดอะไรขึ้น” ฟูจิวาระหันไปถามแม่ของเขา
แม่ของเขาพยักหน้าพร้อมกับเช็ดน้ำตาและเล่าให้ฟัง ดูเหมือนหลังจากที่เขาโดนแทงไปนั้น คุณแม่ของฟูจิวาระจะโทรไปหาคิโยชิเพื่อที่จะถามว่าลูกชายของเขาอยู่ด้วยรึเปล่า และแน่นอน...คิโยชิไม่รู้เรื่อง ในตอนนั้นจึงทำให้จึงทำให้แม่ของเขารู้แล้วว่าฟูจิวาระโกหก ก่อนจะพยายามโทรหาลูกชายของตัวเอง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อยู่รับสาย คราวนี้เรื่องก็ไปถึงตำรวจ โชคดีที่ฟูจิวาระโทรหาแม่ของเขาไว้จึงทำให้สามารถตามตัวได้ว่าอยู่ที่ไหน ก่อนที่ท้ายที่สุดเขาจะอยู่นี่ เมื่อชายหนุ่มผมดำคนนี้พื้นตัวแล้ว ตำรวจก็มาสอบปากคำเขา
“มันเป็นความผิดของผมเอง ผมคบผู้หญิงหลายๆคนพร้อมกัน”
“แล้วผมก็โดนจับได้ และผมก็ได้รับบทลงโทษของผม มันก็เท่านี้แหละ” ฟูจิวาระให้ปากคำกับตำรวจ
ไม่นานนักสื่อทุกสำนักก็นำเสนอในแบบที่เขาต้องการ เขาไม่รู้เลยว่าอดีตแฟนสาวของเขากับชายหนุ่มคนนั้นหายไปไหนและมีความสัมพันธ์แบบใด แต่เขาก็ไม่สนใจแล้วล่ะ บาดแผลที่อยู่บนหน้าท้องของเขานั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรกับบาดแผลที่อยู่ในใจของเขา ในขณะที่เขาพักพื้นอยู่นั้นอาจารย์โซเรียวก็มาเยี่ยม เขาบอกกับชายผมดำว่าในการศึกษาหน้าเขาจะให้ฟูจิวาระกลับมาเรียนในห้องที่เขาเป็นครูประจำชั้นอยู่ ต้องบอกว่าเป็นครูที่ดีจริงๆ ชายผมดำหันออกไปมองหน้าต่างที่มีดอกซากุระดอกสุดท้ายที่ติดอยู่บนกิ่ง
“มานามิ” ฟูจิวาระพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา