ชายผมน้ำตาลนอนอยู่บนเตียงนุ่มๆของเขา ปกติแล้วเขาเป็นคนที่ไม่ชอบนอนเฉยๆบนเตียงนะ อย่างที่ได้กล่าวไว้ เขาเชื่อว่าเวลานอนนั้นเป็นเหมือนการปล่อยเวลาอันแสนจะมีค่าให้ไร้ค่า เขาอยากจะลุกทำอะไรซักอย่างเพื่อผลประโยชน์อะไรเสียมากกว่า เจเรมี่หันไปมองนาฬิกานี่ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว แม้ว่าเขาคิดว่าเขาจะควรจะลุกออกจากเตียงนี้ได้เสียที แต่เขาก็ไม่มีกระจิตกระใจลุกขึ้นจากเตียงของเขา ในนัยน์ตาของเขานั้นยังแสดงให้เห็นตัวเลขเรตติ้งของ Contradiction อันสุดแสนจะน้อยนิด พอนึกแล้วมันก็เป็นอะไรที่ห่อเหี่ยวใจของเขาไม่น้อย มันทำให้เขารู้สึกว่าทุกสิ่งที่เขาทุ่มเทไปนั้นสูญเปล่า ทุกอย่างที่เขาทำไปนั้นมันไร้ค่า
จริงๆแล้วเจเรมี่เป็นคนที่เสียกำลังใจง่ายมาก เขาเป็นแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆแล้ว อย่างเช่นสมัยก่อนที่เขาเล่นเกมกับเพื่อนของเขา ถ้าหากอะไรมันไม่เป็นใจตามที่เขาต้องการล่ะก็เขาก็จะยอมแพ้ทันที ไม่ใช่แค่เรื่องเกมแต่เป็นเรื่องอื่นๆด้วย แล้วแบบนี้ก็เกิดคำถามตามมา แล้วตอนที่เจเรมี่เขียนบทใหม่ๆ เขาไม่เคยล้มเหลวบ้างเลยหรือ? ถ้าให้ตอบคำถามนี้ก็คือ “ไม่” ตั้งแต่เจเรมี่เข้ามาในวงการนี้ไม่มีบทไหนที่เขาเขียนแล้วล้มเหลวมาก่อนเลย ทุกบทที่ถูกเขียนขึ้นด้วยด้วยมือของเขา มันจะออกมาประสบความสำเร็จ เพราะเขารู้ว่าคนดูต้องการอะไรและเขารู้ว่าต้องทำยังไงถึงบทของเขาจะประสบความสำเร็จ เหตุนี้เจเรมี่จึงเป็นนักเขียนที่มีชื่อภายในระยะเวลาไม่กี่ปี
เขาเอื้อมมือไปหยิบมือถือของเขา บนหน้าจอของเขานั้นเต็มไปด้วยคนใน WNBT ที่ส่งข้อความมาหาเขาเต็มไปหมด ตั้งแต่เจ้าของอย่างโรเบริต์ ผู้กำกับอย่างจูเลียต เหล่านักแสดง ตากล้อง หรือแม้แต่ฝ่ายวิจัยก็ส่งข้อความมาหาเขา เจเรมี่ไม่ได้ไปที่ WNBT มาสองวันได้แล้ว เอาจริงๆ มันก็ไม่มีปัญหาหรอกหากคนเขียนบทจะไม่ได้เข้าบริษัทตอนที่ไม่มีงานแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าเจเรมี่ไม่ตอบสาย ไม่รับสาย อะไรใครทั้งนั้น บวกกับเรตติ้งของ Contradiction ที่ตกต่ำอีก มันทำให้คนในสถานีอดเป็นห่วงเขาไม่ได้ เขามองหน้าจอของเขาก่อนจะวางมือถือของเขาลงไปที่เดิม
“จ๊อกๆ” เสียงท้องของเขาร้อง
ดูเหมือนนี่จะเป็นสัญญาณให้เขาลุกจากเตียง ชายผมน้ำตาลหยิบแว่นที่วางอยู่ก่อนจะสวมแว่นตาของเขา ชายผมน้ำตาลคนนี้เดินไปยังตู้เย็นของตัวเขาเอง เขาเปิดช่องฟรีซของเขา ข้างในนั้นมีอาหารแข่เย็นอยู่มากมาย เจเรมี่เอื้อมมือไปหยิบออกมาซักกล่องก่อนจะเปิดไมโครเวฟ พร้อมกับใส่อาหารแข่แข็งนี้ เขากดปุ่มสองสามปุ่มเพื่อให้กล่องสีขาวนี้ทำงาน มันเริ่มปล่อยรังสีความร้อนออกมา ไม่นานนักไมโครเวฟของเขาก็ส่งเสียง “ติ๊ง” มันเป็นการบ่งบอกว่าอาหารของเขาพร้อมกินแล้ว เจเรมี่หยิบอาหารกล่องของเขาออกมาพร้อมกับหยิบช้อนของตัวเอง เขาไปนั่งบนโซฟา ก่อนจะกดปุ่มเปิดโทรทัศน์ของตัวเอง สิ่งแรกที่เขาเห็นนั้นคือตราสัญลักษณ์ของ WNBT เขาไม่ได้เปิดโทรทัศน์อีกเลยหลังจากวันนั้น ดังนั้นทีวีจึงค้างไว้ที่ช่อง WNBT
“ลุกขึ้นมาซิวะ!!” ชายผิวสีผู้ใส่หน้ากากตะโกนใส่ชายใส่หน้ากากอีกคนที่กำลังบาดเจ็บอยู่
ชายใส่หน้ากากที่โดนตะโกนใส่ลุกขึ้นมาก่อนจะช่วยลั่นไก ตำรวจมากมายหลายคนตรงมายังกลุ่มสี่คนผู้ใส่หน้ากากและชุดสูท พวกเขามองไปยังประตูโรงรถที่กำลังเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่พวกเขาจะหันไปยิงตำรวจที่ตรงมาหาพวกเขา ตำรวจที่โดนกระสุนเจาะล้มลงไป เสียงปืนนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เหล่าอาชญกรเหลือบมอง ก่อนจะเห็นประตูเปิดออก เหล่าอาชญกรต่างตะโกนเรียกให้ไปยังรถที่จอดอยู่หน้าประตูของโรงรถ พวกเขาวิ่งพลางหันไปยิงเหล่าผู้พิทักษ์สันติราชที่พยายามจะหยุดยั้งพวกเขา หากทว่าไม่เป็นผล ทั้งสี่ขึ้นรถตู้ของตัวเองก่อนจะขับออกไปและหนีจากเหล่าตำรวจที่พยายามจะหยุดยั้งเขา
“พวกเราทำสำเร็จแล้ว วู้ว!!” ชายใส่หน้ากากคนนึงผู้เป็นคนขับรถ
“โป๊ง”
เสียงปืนดังขึ้น ปืนนั้นยิงเข้าไปที่ลำตัวของคนขับ มันยิงมาจากชายคนที่ใส่หน้ากากคนนึงที่นั่งอยู่เบาะหลัง รถนั้นเสียการทรงตัวก่อนจะชนเข้ากับเสาไฟฟ้า ควันนั้นโพยพุ่งออกมาจากกระโปรงรถ เหล่าผู้โดยสารเมื่อได้สติต่างกระชากคอเสื้อของชายผู้ลั่นไกใส่คนขับ
“แกทำเชี่ยอะไรของแกวะ!!” ชายผิวสีพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
เพราะอยู่เบื้องหลังหน้ากากนั้นจึงไม่รู้ว่าจึงไม่รู้ว่าผู้สวมใส่นั้นแสดงท่าทางยังไง แต่เขายกมือขึ้นก่อนจะปล่อยปืนของเขาลงพื้น ชายอีกคนที่อยู่ในรถดูอาการของคนขับที่ถูกยิง ดูเหมือนกระสุนนัดมะกี้จะไม่คร่าชีวิตของเขา แต่คนขับรถคนนี้ก็ได้แต่ส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เสียงวอของรถตำรวจนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ นั่นแปลว่ารถตำรวจกำลังไล่พวกเขามาแล้ว กล้องซูมออกไปให้เห็นรถที่สภาพยับเยิน พร้อมกับเสียงไซเรนจากรถตำรวจที่ตามมาติดๆ ว่าแล้วภาพก็ตัดไป พร้อมกับเสียงดนตรีที่ดังขึ้นมา ชื่อของเหล่าผู้อยู่เบื้องหลังปรากฏขึ้นมา
“ผู้เขียนบท : โซเฟีย ฮัลมิงตั้น”
มันทำให้เจเรมี่นึกถึงคำพูดของโรเบริต์ เขาเคยพูดว่าที่สถานีมีนักเขียนมากกว่าหนึ่งคน ดูเหมือนๆคนนั้นจะเป็นคนอยู่เบื้องหลังซีรีย์เรื่องนี้
“ดูเหมือนจะไม่ได้มีเราคนเดียวแฮะ” เขาพูดกับตัวเอง
ไม่รู้เหมือนกันว่าจะบอกว่าซีรีย์ที่เขาดูเมื่อกี้สนุกไหม จะพูดว่าสนุกก็ไม่ใช่ เขารู้สึกว่ามันเป็นแค่ซีรีย์ธรรมดาๆเท่านั้น แต่ถ้าจะพูดว่าห่วยก็ดูเกินไป ถึงแม้มันจะมีอะไรหลายๆอย่างขัดใจเขา เรื่องมุมกล้องบ้าง บทพูดบ้าง แต่เขาก็คิดว่ามันไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายที่สุดที่เขาเคยดู ถ้าจะสรุปให้ดีที่สุดน่าจะใช้คำว่า “มีแวว” น่าจะดีที่สุด ถ้าหากปรับแต่งอะไรนิดๆหน่อยก็อาจจะเป็นซีรีย์ดังในอนาคตก็ได้
“ก๊อกๆ” เขาได้ยินเสียงของใครบางคนเคาะประตูกระจกที่พาเขาไปสู่ระเบียง
เจเรมี่หันไปตามเสียงก่อนจะเห็นเพื่อนบ้างของเขาอย่างเดซี่กำลังเคาะประตูกระจกอยู่ มันทำให้เจเรมี่ตกใจไม่น้อย เขารีบวางข้าวกล่องของเขาบนโต๊ะก่อนจะเปิดให้หญิงผมดำคนนี้เข้ามา
“ทำไมไปยืนตรงนั้นได้?” เจเรมี่ถามด้วยสีหน้าตกใจ
“ปีนมา” เดซีย์ตอบสั้นๆ
เจเรมี่ชะโงกหน้ามองออกไปยังระเบียงตัวเอง ใช่ ระเบียงของทั้งสองห้องอยู่ใกล้กันมาก การจะปีนข้ามนั้นถือไม่ใช่เรื่องยากเท่าไหร่ แต่ถึงกระนั้นเขาก็คิดว่ามันคงไม่มีใครกล้าปีนข้ามมาอย่างนี้อยู่ดี ดูเหมือนความคิดตรงนี้ของเขาต้องเปลี่ยนใหม่เสียแล้ว เพราะเขาเจอคนกล้าพอที่จะปีนข้ามมาได้และยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่ชายร่างกำยำที่ปีนขึ้นมา แต่เป็นหญิงร่างบาง ในชุดสีขาวกับกางเกงขาสั้นสีกากีต่างหากที่ปีนมายังระเบียงบ้าน
“แล้วคุณเดซีย์มาทำอะไรหรอครับ?” เจเรมี่ถาม
จริงๆเขาก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าเธอมาทำอะไรที่นี่ เธอเองก็ส่งข้อความมายังมือถือของเจเรมี่เหมือนกัน
“นายก็น่าจะรู้นะว่าชั้นมาทำไม” เพื่อนบ้านตอบคำถามของเจเรมี่
หญิงผมดำก้าวเท้าเข้ามาในบ้านโดยที่ไม่ได้ขออนุญาตอะไรชายผมน้ำตาลผู้เป็นเจ้าของห้อง
“ผิดหวังหรอ?” เดซีย์เปลี่ยนประเด็นและถามเจเรมี่ที่กำลังปิดประตูกระจกอยู่
“จะบอกว่าอย่างงั้นก็ได้แหละครับ” เจเรมี่ตอบคำถามของสาวผมดำ
“ผมไม่ได้หลงตัวเองนะครับ แต่ผมว่าเรื่องดีๆแบบนี้ ควรจะได้รับความสนใจมากกว่านี้” ชายผมน้ำตาลเอ่ยความในใจของตัวเองออกมา
“คือถ้ามันไม่มีใครดูเพราะมันไม่สนุก อันนี้ผมไม่ค่อยเท่าไหร่”
“แต่นี่ที่ไม่มีใครดูเพราะสถานีเก่าผมเอา ซีรีย์ยักษ์ของตัวเองมาชนกับพวกเรา นึกแล้วมันก็ทำให้ผมเจ็บใจจริงๆ” ชายผมหยิกพูดพลางกำหมัดแน่น
“รู้ไหม เพื่อนของชั้นเกือบทุกคนดู Contradiction เพื่อจะดูชั้นเล่น”
“แต่ว่าสิ่งนึงที่ชั้นได้ยินจากเพื่อนชั้นทุกคนพูดก็คือ ยอดเยี่ยมมาก เป็นซีรีย์ที่ยอดเยี่ยมมาก”
“เขากำลังชมนายอยู่นะ เจเรมี” เดซีย์พูดกับชายผมน้ำตาล
“อีกอย่าง นายเป็นคนชวนให้ชั้นเข้าวงการนี้ และชั้นก็ไม่อยากให้ซีรีย์นี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่ชั้นเล่น”
“พรุ่งนี้มาที่ WNBT ด้วยล่ะ ตอนนี้คุณโรเบริต์และคุณจูเลียตกำลังคิดหาทางแก้ปัญหาอยู่”
“และกำลังรอให้นายกลับมาเพื่อช่วยหาทางแก้ปัญหานี้”
หญิงผมสีดำเดินออกจากห้องผ่านทางประตูห้องของ ชายผมน้ำตาลนั่งลงไปบนโซฟา เขานั่งคิดสิ่งที่เพื่อนบ้านของเขาพูด “นั่นซินะ” เขาพูดคำนี้กับตัวเอง ในตอนนี้เขาไม่สามารถย้อนกลับไปได้แล้ว เขามีแต่มุ่งไปข้างหน้าเท่านั้น เปลวเพลิงที่ดับมอดของเขาลุกโฉนขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาแล้ว
=====
เจเรมี่นั่งอยู่ในห้องประชุมของเขา เขายังคงเห็นของเกือบทุกอย่างอยู่เหมือนเดิม โปสเตอร์เดิมๆ เก้าอี้ตัวเดิม โต๊ะตัวเดิม แต่มันมีสองอย่างที่เพิ่มขึ้นมา อย่างแรกคือโปสเตอร์ของ “Contradiction” และอย่างที่สองคือชายผมแดงที่ผมรุงรังนั่งอยู่ด้วย เส้นผมของเขานั้นยุ่งเหยิงจนปิดดวงตาของเขาจนมิด มันทำให้ชายผมน้ำตาลเกิดข้อสงสัยไม่น้อยว่าชายคนนี้เขามองเห็นได้อย่างไร แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้จักชายผมแดงคนนี้อยู่แล้ว เขาคือ “บาสเตียง หลุยส์” เขาเป็นคอมโพเซอร์ แต่ใช้ได้แค่รู้จักเท่านั้นแหละ เขาแทบไม่เคยคุยกับชายคนนี้มาก่อนเลย เช่นเคยโรเบริต์และจูเลียตก็นั่งร่วมโต๊ะนี้ด้วย
“ยินดีที่ได้คุณกลับมานะคุณเจเรมี่” โรเบริต์ผู้เป็นเจ้าของเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมา
“ต้องขอโทษด้วยครับกับการกระทำที่ไม่เป็นมืออาชีพแบบนี้” เจเรมี่กล่าวขอโทษคนอื่นๆ
“เอาเถอะ ชั้นเข้าใจความรู้สึกของนาย แต่คราวหน้าติดต่อเรากลับด้วย โอเคนะ?” จูเลียตติ
“ครับ” เจเรมี่พยักหน้าตอบสั้นๆ
“ถ้างั้นเรามาเริ่มคุยกันเรื่องวิธีการแก้ปัญหากันเลยดีกว่าไหมครับ?” เจ้าของสถานีเอ่ย
“เอ่อ ผมขอถามหน่อยได้ไหมครับ ว่าคุณบาสเตียนมาทำอะไรตรงนี้?” เจเรมี่ถามถึงผู้ร่วมโต๊ะอีกคนที่เขารู้สึกไม่คุ้นเคย
“อ่อใช่ พวกเราคิดว่าจะเปิดช่องยูทูปน่ะ แล้วก็เอา Contradiction ไปลงในนั้น”
“เพราะยังไงเราก็คงไม่มีทางสู้กับเรื่องที่ลีลีเน็ตเล่นได้อยู่แล้ว”
“ซึ่งคุณบาสเตียนจะเป็นคนดูแลในเรื่องนี้” จูเลียตอธิบายให้ฟัง
มันเป็นเรื่องที่แปลกเหมือนกันที่คนที่ทำงานด้านดนตรีต้องมาทำงานฝ่าย PR แต่ถึงกระนั้นเจเรมี่ก็ไม่ได้แสดงความเห็นอะไรตรงนี้ ถ้าว่ากันตามตรงแผนนี้ถือเป็นแผนที่ใช้ได้ไม่น้อย แทนที่จะชนกันตรงๆไปเลย ก็ยอมแพ้ในช่วงเวลานั้นแล้วให้คนดูได้ชม Contradiction ในเวลาไหนก็ได้จะดีกว่า (ตราบใดที่ยังมีอินเตอร์เน็ต)
“อย่างงี้นี่เอง ถือว่าเป็นวิธีที่ดีมากเลยนะครับ” เจเรมี่พูดขึ้น
“แต่ปัญหาคือ เราคิดว่าแค่นี้ไม่น่าจะพอ” โรเบริต์พูดต่อ
“แล้วเรื่องย้ายผังเวลาล่ะครับ?” เจเรมี่เอ่ยปากถาม
“ตอนแรกๆเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่ดูจากสถิติที่ทางฝ่ายวิจัยรวบรวมมา เรตติ้งรายการที่เคยฉายเวลาเดียวกันกับซีรีย์เจ้าปัญหานี้”
“อยู่ที่ 0.002 หรือแค่ประมาณสองพันกว่าคนเท่านั้น คงจะพูดว่า Contradiction ที่เรตติ้ง 0.5 น่าจะดีสุดแล้วละมั้ง” จูเลียตตอบคำถามของเจเรมี่
เจเรมี่ฟังแล้วก็พยักหน้าก่อนจะใช้มือของตัวเองจับไปที่คางของเขา เขาคิดอะไรหลายๆอย่าง เขาเชื่อว่ามันจะต้องมีอะไรมากกว่านั้นที่ทำให้ Contradiction สามารถไปได้ไกลกว่านี้ เขานั่งคิดท่ามกลางห้องที่เงียบสงบ ก่อนที่เขาจะนึกอะไรออกขึ้นมา เขาเงยหน้ามองอีกสามคนที่นั่งอยู่ในห้องเดียวกันกับเขา
“เอ่อ ผมขอใช้โทรศัพท์ได้ไหม?”
“พอดีผมว่าผมนึกอะไรออกแล้ว” เจเรมี่พูดกับคนในห้อง
“ได้ซิ เชิญเลย” โรเบริต์อนุญาต
เจเรมี่พยักหน้าก่อนจะหยิบเอาโทรศัพท์มือถือออกจากกระเป๋ากางเกงของตัวเอง เขาใช้นิ้วของเขาเลื่อนหาชื่อๆนึงในเหล่ารายชื่อของมือถือเครื่องนี้ และเขาก็เจอชื่อที่เขาตามหา มันเขียนไว้ว่า “ซิลวี่” เจเรมี่สูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะใช้นิ้วโป้งของเขากดไปทีชื่อนี้ เขายกมือถือของเขาก่อนจะจ่อไปที่หูของตัวเอง เขาได้ยินเสียง “ตรู๊ดดดด” “ตรู๊ดดดด” ก่อนที่ในที่สุดจะมีใครรับสาย
“ฮัลโหล?” เสียงจากปลายสางดังขึ้น
“สวัสดีซิลวี่นี่ชั้นเองเจเรมี่”
ซิลวี่คือเพื่อนในช่วงที่เจเรมี่เรียนมหาลัยอยู่ เธอเป็นเพื่อนไม่กี่คนของเจเรมี่และเป็นเพื่อนที่สนิทที่สุดของเจเรมี่ในมหาวิทยาลัย เธอเป็นคนที่...ใช้คำว่ามีเอกลักษณ์น่าจะดีที่สุด หลายๆคนมักจะเข้าใจผิดว่าทั้งสองคนเป็นแฟนกัน แต่จริงๆแล้วไม่ใช่อย่างนั้น ทั้งสองเป็นเพียงแค่เพื่อน อีกอย่างซิลวี่มีแฟนแล้วชื่อ “ทาคุมิ” แต่จริงๆแล้วแฟนของเธอที่ชื่อว่าทาคุมินั้นมีอะไรมากกว่านั้น เขาไม่ใช่ผู้ชายธรรมดาๆที่มีสัญชาติเป็นคนญี่ปุ่นแต่ทาคุมินั้นเป็นเพียงแค่ตัวละครในนิยายในอนิเมะเท่านั้น หรือถ้าจะเรียกตามที่ซิลวี่ชอบพูด เขาเป็นหนุ่ม 2D เท่านั้น
แล้วทาคุมิที่ว่านี่เป็นใคร? เขาเป็นตัวละครจากนิยายที่ชื่อ Artificial Girl เป็นนิยายที่ซิลวี่บังคับให้เจเรมี่อ่าน ถามว่าสนุกไหม? มันก็สนุกนั่นแหละและเขาเองก็ชอบตัวละครที่ชื่อทาคุมิเพราะเป็นตัวละครที่เป็นสัญลักษณ์ของความเป็นมนุษย์ แล้ว AG มันเกี่ยวกับอะไร? มันเกี่ยวกับโลกที่มีหุ่นยนต์ประเภทนึงที่เหมือนมนุษย์ซึ่งถูกเรียกว่า Artificial Girl หรือ AG ซึ่ง AG เหล่านี้ก็จะถูกนำไปสู้กันเพื่อเงินรางวัล แต่ถึงกระนั้นมันมีตัวละครตัวนึงในเรื่องที่ชื่อ “โกยะ ทาคุมิ” เขาเป็นเจ้าของ AG ที่ชื่อว่าลูน่าซึ่งเป็นไอด้อลชื่อดัง เขามองว่าลูน่าเป็นเหมือนมนุษย์คนนึงและเกลียดมากเวลาที่เขาจะต้องเห็น AG สู้กัน ถ้าให้สรุปง่ายๆ ทาคุมิถือว่าเป็นตัวละครจำพวก “Good Guy” ก็ได้
“อ้าว เจเรมี่หรอ? โทรมาตอนนี้มีอะไรล่ะ?” ซิลวี่ที่อยู่ปลายสายเอ่ยปากถาม
“ชั้นมีอะไรให้เธอช่วยหน่อย”