Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Illusion : EP 12

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 30

Illusion : EP 12 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Illusion : EP 12   Illusion : EP 12 EmptyFri Apr 29, 2016 10:10 pm

มันเป็นอีกวันในมหาวิทยาลัยของเขา เจเรมี่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าสะพายสีดำของเขา ชายคนนี้เดินบนทางเท้าก่อนจะเลี้ยวเข้าไปในมหาวิทยาลัย มันมีผู้คนจำนวนนึง ผู้คนที่มาศึกษาแห่งนี้มาจากเกือบทุกมุมโลก ตั้งแต่มาจากในประเทศแห่งนี้ จนไปถึงมาจากทวีปอันห่างไกล แต่แม้จะมาจากที่ไหน ทุกคนนั้นต่างใส่เสื้อกันหนาวเหมือนกันๆ นี่เป็นฤดูหนาว ฤดูที่ลมนั้นสามารถสร้างความเย็นยะเยือกได้มากกว่าฤดูอื่นๆ หากกวาดตามองไปทางไหน เขาก็เห็นทุกคนใส่เสื้อกันหนาว เช่นเดียวกันกับตัวเขาเอง หากก้มมองลงไป เขาก็จะเห็นตัวเองใส่เสื้อกันหนาวเหมือนกัน มันคงเป็นอะไรที่บ้าไม่น้อยหากเดินมาโดยไร้ซึ่งเครื่องป้องกันความหนาว

“ซิลวี่” เจเรมี่ตะโกนไปยังหญิงผมสีม่วงที่เดินพร้อมกับหูฟังสีขาว

เธอไม่ได้ยิน ไม่แปลกเท่าไหร่หรอก เพราะเขาสามารถได้ยินออกมาได้เลยว่าหญิงผมที่ยาวเพียงแค่ประบ่านั้นกำลังฟังอะไรอยู่ มันเป็นเพลงแนวร็อค ซึ่งหากฟังจากภาษาแล้ว มันคงเป็นภาษาญี่ปุ่น เจเรมี่เอื้อมมือไปก่อนจะจับหัวไหล่ของหญิงที่ชื่อว่าซิลวี่ เธอหันมามองก่อนจะถอดหูฟังของเธอออกจากหูของเธอข้างนึง ผู้คนรอบๆนั้นต่างได้ยินเสียงเพลงออกมาจากหูฟังของเธอ แต่ถึงกระนั้นคนก็ไม่ได้สนใจอะไรเธอเท่าไหร่นัก ราวกับชินชากับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว เจเรมี่เอ่ยปากทักทายเธอ เช่นเดียวกันกับซิลวี่ที่เอ่ยปากทักทายสหายของเธอเช่นเดียวกัน

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรนอกจากนั้นก่อนจะเดินไปทางเดียวกัน เธอหยิบหูฟังข้างที่เธอถอดออกมาก่อนจะเสียบกลับเข้าไปที่เดิม ทั้งสองมีวิชาเรียนเดียวกัน ทั้งสองเดินผ่านคนมากมาย แต่แม้จะผ่านคนมากมายขนาดไหน น้อยคนนักที่เจเรมี่จะรู้จัก อาจจะเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเข้าสังคมเท่าไหร่นัก ถ้าหากนับเพื่อนที่เขาสนิทและคุยด้วยบ่อยๆแล้ว มันคงมีอยู่ไม่ถึงสิบคน แต่อีกมุมนึงก็เพราะจำนวนคนที่เรียนในมหาวิทยาลัยนี้ค่อนข้างมากสมควร ทุกคนที่อยู่ที่นี่ล้วนแต่อยากจะเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานของตัวเอง บางคนก็อยากเป็นนักเขียน บางคนก็อยากเป็นนักสร้างภาพยนตร์ หรือบางคนก็อยากจะเป็นคนเขียนบท ดั่งเช่นเจเรมี่ที่เดินในโถงเคียงข้างกับซิลวี่

“แอ๊ด” เปิดประตูไม้ช้าๆ

เมื่อประตูถูกเปิดขึ้นมา เขาก็เจอคนมากมายนั่งอยู่ พวกเขาหันมามองแปปนึงก่อนจะไปคุยกันต่อ เจเรมี่กับซิลวี่เดินต่อไปเรื่อยๆ จนไปถึงที่ว่างหรือก็คือที่ประจำของทั้งสอง มันเป็นที่ประมาณแถวที่สี่หากนับจากกระดานดำที่อยู่หน้าห้อง เจเรมี่นั่งลงไปเช่นเดียวกันกับซิลวี่นั่งด้านขวาซึ่งติดกับหน้าต่าง เขานั่งลงก่อนจะหยิบเอาของจากกระเป๋าเป้ของเขาออกมา ในขณะที่เขากำลังเตรียมพร้อมที่จะได้รับความรู้นั้น เขาก็ได้ยินเสียงคนที่นั่งข้างๆเขาเรียกชื่อของเขา เจเรมี่หันไปตามเสียงเรียก เมื่อเขาหันไป เขาก็ยื่นหนังสือพิมพ์แผ่นนึงมาให้ พร้อมกับชี้ไปที่บทความที่เขาต้องการให้เจเรมี่ดู เจเรมี่อ่านสิ่งที่ชายที่นั่งข้างๆของเขาชี้

“จูเลียต ฮอว์กินส์ ผู้กำกับหน้าใหม่กับผลงานที่ยอดเยี่ยม”
“รู้จักใช่ไหม?” ชายที่ยื่นหนังสือพิมพ์ถามเจเรมี่
“อืม รู้จักซิ ผมเคยดูผลงานของเธอตอนที่เธอยังเป็นนักแสดงเด็กอยู่...เดี๋ยวนะ ทำไมตรงนี้เขียนว่าผู้กำกับล่ะ?” เจเรมี่ถามด้วยสีหน้าสงสัย

จูเลียต ฮอว์กินส์เป็นนักแสดงเด็กที่มีฝีมือมาก และแน่นอนว่าผู้คนมากมายต่างพูดว่าเธอนี่แหละจะเป็นอนาคตของวงการ หากทว่าท่ามกลางเสียงชื่นชมของเธอ ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เธอเหมือนกัน เหตุเพราะทุกเรื่องที่เธอเล่นนั้นพ่อของเธอเป็นผู้กำกับทั้งหมด ดังนั้นผู้คนจึงได้แสดงความเห็นว่าที่เธอได้เล่นเพราะเธอเป็นลูกของผู้กำกับรึเปล่า? แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเจเรมี่ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเท่าไหร่นัก เพราะตราบใดที่เธอสามารถแสดงได้ในระดับที่ยอดเยี่ยม เขาก็คิดว่าไม่มีปัญหาอะไร หลังจากที่เธอเล่นเรื่องที่สามในชีวิตของเธอ เธอก็หายไปจากวงการ ถ้าหากเดาตอนนี้เธอก็คงอายุใกล้ๆกับเขาแล้วละมั้ง และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาเห็นชื่อของเธอ แต่มันไม่ใช่ในฐานะนักแสดง แต่เป็นในฐานะผู้กำกับ มันเป็นเรื่องแปลก เพราะมันไม่ค่อยมีนักแสดงที่อายุน้อยขนาดนี้ผันตัวไปเป็นผู้กำกับ

“แล้วนายได้ดูงานของจูเลียตแล้วรึยัง?” เจเรมี่ถามคนที่ไปยื่นหนังสือพิมพ์มาให้
“ยังเลย ชั้นเลยมาถามนายนี่แหละ เผื่อนายได้ดูแล้ว” ผู้ถูกถามตอบ

เจเรมี่พยักหน้า ไม่นานนักคลาสก็เริ่มขึ้น และเมื่อคลาสจบลงสิ่งแรกที่เจเรมี่ทำนั้นคือเดินเข้าไปในโรงหนัง เขาตัดสินใจซื้อตั๋วเพื่อดูผลงานของหญิงสาวรุ่นราวคราวเดียวกันกับเขา มันเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมมาก เขารู้สึกถึงการจัดองค์ประกอบภาพที่ยอดเยี่ยม การตีความบทที่ออกมาได้สมบูรณ์แบบ แม้เจเรมี่จะดูหนังมาเยอะเพียงใด แต่เขานึกไม่ออกว่าจะมีผู้กำกับคนไหนที่สามารถสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ ชายผู้สวมแว่นคนนี้ได้แต่หวังว่าซักวันนึงบนเส้นทางที่เขาไม่รู้จะเป็นแบบไหน เขาจะได้ทำงานร่วมกันกับหญิงผมสีทรายที่เขาชื่นชมคนนี้

=====

ณ ขณะเดียวกันในสตูดิโอของ The Heist ยามปกติแล้ว เวลานี้คือเวลาถ่ายทำ แต่หากทว่าด้วยเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันทำให้สตูดิโอนี้หยุดนิ่งและถูกปกคลุมด้วยความเงียบงัน เหล่านักแสดงแต่ละคนรวมถึงทีมงานที่ต่างนั่งอยู่เฉยๆ พวกเขาไม่ได้พูดคุยกัน และได้แต่เช็คอุปกรณ์หรือท่องบทเป็นรอบที่ร้อยแล้วก็เป็นได้ บรรยากาศนั้นเต็มไปด้วยความกดดัน แววตาของเจเรมี่ที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นนั้นยังคงตราตึงในความทรงจำของทุกคนที่อยู่ในสตูดิโอแห่งนี้ โซเฟียก้มมองนาฬิกาข้อมือของตัวเอง นี่ก็ชั่วโมงนึงแล้วหลังจากที่เจเรมี่เดินออกไป เธอแหงนมองขึ้นเพดานก่อนจะบ่นอุบอิบกับตัวเองว่า “ช้าจังนะ”

“ถ้าสมมุติว่าคุณเจเรมี่ตามตัวคุณจูเลียตกลับมาได้ นั่นแปลว่าเราต้องกลับไปทำงานกับคุณจูเลียตเรอะ” ชายคนนึงในกลุ่มนักแสดงด้วยน้ำเสียงเซ็งแซ่
“ให้ตายซิ ชั้นไม่เข้าใจจริงๆว่าคุณจูเลียตจะเขี้ยวไปไหน” นักแสดงอีกคนพูดขึ้นมา
“เราทำไปแบบเดิมเรื่อยๆเหมือนซีซั่นที่แล้วก็ไม่เห็นมีใครบ่นเลย” ชายอีกคนที่นั่งอยู่ในกลุ่มนักแสดงพูดขึ้น

“พวกคุณมีความเป็นมืออาชีพรึเปล่าคะ?!” โซเฟียลุกขึ้นมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“ไม่ว่ายังไงคุณก็ควรให้ผลงานของคุณออกมาดีที่สุดไม่ใช่หรอคะ!!” หญิงผมม่วงคนเดิมตะโกนถาม

“มันไม่ใช่ว่าพวกเราไม่ทำเต็มที่...แต่บางอย่างพวกเราว่ามันก็เกินไป เกินไปจนชั้นรู้สึกอึดอัด” ชายคนแรกพูดกับโซเฟีย
“พวกเราก็อยากทำให้ได้ดี เพราะนี่ก็เป็นงานแรกของเราในช่วง Prime Time”
“แต่ที่เพราะคุณโซเฟียเขี้ยวแบบนี้ เพราะเธอเห็นอะไรที่พวกคุณมองไม่เห็นยังไงล่ะ คุณจูเลียตรู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเรา!!” โซเฟียโต้ตอบ

โซเฟียกำลังจะพูดต่อ แต่ไม่ทันที่เธอจะได้พูด เสียงประตูก็ถูกเปิดขึ้น ทุกสายตาหันไปยังประตูที่เปิด ทุกคนเห็นเหงาของชายคนนึงเดินเข้ามา เขาเดินมาคนเดียว และรูปร่างของเขาค่อนข้างสูง สูงกว่าเจเรมี่ดังนั้นเจ้าของเงานี้คงไม่ใช่เจเรมี่อย่างแน่นอน ดูเหมือนจะเป็นชายที่เจเรมี่หามา เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ๆ ดวงตาของทุกคนก็เบิกโพลนขึ้น ทุกคนรู้จักชายคนนี้ดี ไม่มีใครในห้องนี้ไม่มีทางรู้จักชายคนนี้

======

เสียงของภาพยนตร์ที่กำลังถูกฉายบนจอนั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง เจเรมี่ได้ยินคำถามของหญิงผมสีทรายคนนี้แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร ชายสวมแว่นลุกขึ้นจากเบาะสีแดงก่อนจะเริ่มเปล่งเสียงของเขาออกมา

“เจ้าหญิงของข้า...เหตุใดหน้าของเจ้าจึงเศร้าหมองขนาดนี้?”

ประโยคนี้สร้างความฉงนให้กับจูเลียตที่นั่งอยู่เบาะสีแดง

“จากเรื่อง น้ำตาของโฉมงาม...ถ้าเป็นไปได้ ช่วยพูดบทต่อจากผมหน่อยได้ไหม?” เจเรมี่ถาม
“ข้าคิดถึงครอบครัวของข้า...ข้าคิดถึงพ่อของข้า...ข้าคิดถึงแม่ของข้า ข้าคิดถึงน้องของข้า”
“ข้าคิดถึงเสียงหัวเราะของพวกเขา ข้าคิดถึงเสียงของพวกเขา ข้าคิดถึงพวกเขา...” จูเลียตพูดพร้อมกุมหน้าของตัวเองเพื่อให้เข้ากับบทบาท

เจเรมี่คว้ามือของจูเลียตก่อนจะดึงมาสวมกอดร่างของหญิงผมสีทราย ใบหน้าของจูเลียตนั้นตกใจกับการกระทำของชายหนุ่มผู้สวมแว่นคนนี้ แต่ถ้าหากจะให้เหมือนกับฉากในหนัง เธอจะหยุดอยู่นิ่งๆให้เจ้าชายรูปงามสวมกอดเธอไว้

“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ข้าจะเป็นครอบครัวของเจ้าเอง”
“เราอาจจะพึ่งเจอกันได้ไม่นาน แต่ข้าสัญญา ข้าจะสร้างรอยยิ้มให้เจ้าอีกครั้ง”
“ข้าอาจจะไม่สามารถแทนพวกเขาได้ ข้าอาจจะไม่สามารถเป็นพวกเขาได้ แต่ข้า...ข้าจะเป็นความสุขของเจ้า” เจเรมี่ปล่อยอ้อมกอดออกก่อนจะจับหัวไหล่ของหญิงผมสีทราย

เจเรมี่ถอยออกไปก่อนจะยื่นมือมายังจูเลียต เจเรมี่ยิ้มให้ จูเลียตเอื้อมมือไปก่อนจะที่นิ้วของจูเลียตจะสัมผัสกับฝ่ามือของเจเรมี่ เจเรมี่ลดมือลง จูเลียตนั้นยังคงฉงนกับสิ่งที่ชายผมน้ำตาลทำ เธอไม่เข้าใจว่าจุดประสงค์ของสิ่งที่ชายน้ำตาลนั้นคืออะไร เพื่อจะได้แอบกอดรึเปล่า? ก็คงไม่ใช่ เจเรมี่นั้นไม่ใช่คนแบบนี้

“รู้ไหมครับว่าทำไม ผมถึงเล่นฉากนี้กับคุณ?” เจเรมี่เอ่ยปากถาม

จูเลียตไม่ได้พูดอะไร แต่ใช้การส่ายหน้าเป็นการส่งคำตอบไปยังเจเรมี่ที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับเธอ เสียงของภาพยนตร์นั้นยังคงดังกึกก้องในห้องสี่เหลี่ยมที่มีแค่เจเรมี่และจูเลียตยืนอยู่

“ผมจำฉากนี้ได้ดีเลยล่ะ และผมต้องพูดตรงๆว่านี่เป็นฉากที่ผมชอบที่สุดในชีวิตเลยก็ได้”
“ทุกอย่างนั้นดีไปหมด ทั้งบรรยากาศ ทั้งบทพูด รวมถึงมุมกล้องต่างๆ ผมว่าทุกอย่างนั้นสุดยอดไปหมด”
“และผมว่าสิ่งเหล่านี้คงไม่มีทางเกิดขึ้น ถ้าหากขาด...คุณ” เจเรมี่พูดกับสิ่งที่อยู่ในใจตัวเองออกมา

ใบหน้าของจูเลียตนั้นแดงก่ำไปหมด หัวใจของเธอเริ่มเต้นเร็วขึ้น เธอได้ยินคำชมจากผู้คนมากมาย เธอได้ยินคำชมเหล่านี้จนเป็นเรื่องชินชาไปแล้ว เธอดีใจจนเลิกดีใจกับคำชมไปตั้งนานแล้ว แต่ทำไมครั้งนี้ มันทำให้เธอรู้สึกดีใจ ดีใจมากเหลือเกิน เธอก้มหน้าเพื่อหลบสายตาของคู่สนทนา เธอไม่อยากให้ชายผมน้ำตาลเห็นใบหน้าที่แดงก่ำเหมือนมะเขือเทศของเธอ

“กลับไปที่สตูดิโอกันเถอะครับ...ทุกคนรอคุณอยู่” เจเรมี่พูดกับหญิงผมสีบลอนด์ที่ยืนก้มหน้าอยู่
“ไม่ใช่ว่าพวกนายอยากจะไล่ชั้นออกจากหรอ?” จูเลียตเอ่ยปากถาม
“คนอื่นผมไม่รู้ว่าคิดยังไง แต่ผมสำหรับผมแล้ว คนที่ผมไว้วางใจที่สุดว่าจะสามารถทำให้บทของผมกับโซเฟียออกมาดีได้ มีแค่คุณเท่านั้นแหละ”
“ฉะนั้นแล้ว กลับกันเถอะครับ” เจเรมี่พูดด้วยรอยยิ้ม

จูเลียตยิ้มก่อนจะพยักหน้าและเดินออกจากโรงหนังพร้อมๆกับชายผมน้ำตาลคนนี้ เธอเดินตามหลังชายผมหยิกคนนี้ เธอยิ้มตลอดทางที่เดิน นี่ก็นานแล้วนะที่เธอไม่ได้รู้สึกมีความสุขขนาดนี้ เจเรมี่หันกลับมาทางจูเลียต เธอรีบหุบยิ้มของเธอ เธอไม่อยากให้ชายผมสีน้ำตาลเห็นรอยยิ้มของเธอ เธอรีบทำสีหน้าปกติของเธอ ก่อนจะเอ่ยปากถามชายที่อยู่ข้างหน้าเธอว่า “มีอะไรหรอ?”

“เอ่อ...ผมนั่งรถกลับคุณด้วยได้ไหม?”
“ได้ซิ ไม่มีปัญหา” จูเลียตตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

=====

ทั้งคู่มาถึงยังสตูดิโอ ทั้งคู่ก้าวเท้าลงมาจากรถสีเงินคันเดิม เจเรมี่เดินก่อนจะหันมองหาอะไรบางอย่าง ก่อนที่เจเรมี่จะเห็นสิ่งที่เขาตามหา มันเป็นรถสีดำจอดอยู่ ทั้งเจเรมี่และทั้งจูเลียตมองรถคันนี้ก็รู้ว่ามันเป็นรถของใคร ทั้งคู่เดินไปยังสตูดิโอก่อนจะเปิดประตูขึ้น เมื่อทั้งสองเปิดประตู ก็ได้ยินเสียงการถ่ายทำดำเนินอยู่ เจเรมี่มองไปยังที่นั่งของผู้กำกับก่อนจะเห็นชายผมสีบลอนด์ เขาสวมสูทสีดำของเหมือนเดิม พร้อมกับแว่นที่มีกรอบสีน้ำเงิน ทั้งสองยืนดูการถ่ายทำอย่างเงียบๆ ทุกอย่างเป็นไปได้ดี ก่อนที่เสียง “คัท” จะตะโกนขึ้น เมื่อเสียงคัทตะโกนขึ้น นักแสดงทุดคนก็หยุดลง

“อ้าว คุณเจเรมี่กลับมาแล้ว?” ชายผมสีทรายพูดด้วยรอยยิ้ม
“ครับ ขอบคุณมากครับ คุณโรเบริต์ที่มาช่วยเป็นผู้กำกับให้แทนชั่วคราว” เจเรมี่เอ่ยขอบคุณ
“ไม่เป็นไร นานๆทีมาเป็นผู้กำกับบ้างมันก็สนุกเหมือนกัน” โรเบริต์ตอบกลับ
“ถ้างั้นแล้ว ชั้นขอตัวก่อนล่ะ” เจ้าของบริษัทโบกมือก่อนจะเดินจากไป

ทุกคนในสตูดิโอมองแผ่นหลังของชายร่างโย่งก่อนจะหันกลับมามองจูเลียต เธอเดินมาตรงกลางของสตูดิโอ ทุกสายตาจับจ้องเธอ ก่อนที่จูเลียตจะสูดหายใจเข้าลึกๆ

“ชั้นต้องขอโทษด้วยที่ทำตัวไม่เป็นมืออาชีพแบบนี้ ต้องขอโทษจริงๆ” จูเลียตเอ่ยปากขอโทษ

ทุกคนได้ยินคำขอโทษของหญิงสีทรายคนนี้แล้ว ก็ต่างตกตะลึง ทุกคนไม่คิดเลยแม้แต่น้อยว่าหญิงผู้ทะนงตัวคนนี้จะก้มหัวขอโทษ

“ชั้นเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันค่ะ ชั้นไม่น่ามีความคิดที่จะเอาคุณจูเลียตออกจากตำแหน่งผู้กำกับเลย ต้องขอโทษจริงๆค่ะ” โซเฟียลุกขึ้นมาก่อนจะเอ่ยขอโทษเหมือนกัน
“เอ่อ ผมเองก็ต้องขอโทษเหมือนกันที่เรื่องมากไปหน่อย” นักแสดงผู้ที่โวยวายกับโซเฟียลุกขึ้นมาก่อนจะเอ่ยขอโทษจูเลียตเหมือนกัน

จูเลียตฟังแล้วก็ยิ้มอ่อนๆก่อนจะหันมามองเจเรมี่ ชายผมน้ำตาลเห็นหญิงผมสีบลอนด์คนนี้ยิ้มให้มันก็ทำให้เขายิ้มตอบกลับไปเหมือนกัน จูเลียตตรงไปยังบัลลังค์ของเธอ เช่นเดียวกันกับเจเรมี่ที่มานั่งข้างๆกับ “ราชินี” ก่อนที่การถ่ายทำจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Illusion : EP 12
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Illusion : EP 6
» Illusion : EP 7
» Illusion : EP 8
» Illusion : EP 9
» Illusion : EP 10

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: