เรียวงะเดินไปตามถนนท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มองมา ที่เป็นแบบนั้นไม่ใช่เพราะเขาดูดีแต่อย่างใด แต่เพราะเขานั้นอยู่ในสภาพที่ดูไม่จืดนัก
ประกอบไปด้วยเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบที่เกือบหยิบติดมือมาไม่ทันตอนโดนมัตสึไดระลากตัวมา บวกกับผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงเพราะยังไม่ได้หวี ถ้าขอบตาคล้ำสักหน่อยอาจจะดูคล้ายว่าเขากำลังแต่งคอสเพลย์เป็นตัวละครในการ์ตูนดังเรื่องหนึ่ง
“ที่ๆแกจะมาคือที่นี่น่ะหรอ?”
เรียวงะถามขึ้น รอบๆตัวเขานั้นเต็มไปด้วยผู้คนเดินขวักไขว่ สองข้างทางเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆมากมาย
“ใช่แล้ว อากิฮาบาระไงล่ะ”
มัตสึไดระตอบ ที่นี่คือย่านอากิฮาบาระ หรือเรียกสั้นๆว่าอากิบะ แม้จะถูกขนานนามว่าเป็นเมืองอิเล็กทรอนิกส์เพราะเต็มไปด้วยร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่ส่วนใหญ่แล้วที่นี่มักจะเป็นแหล่งรวมพลของคนที่รักในการ์ตูนซะมาก รวมทั้งเมดคาเฟ่หรือพวกเกมเซ็นเตอร์ก็ต่างรวมอยู่ที่นี่
และแน่นอนว่ารวมทั้ง AG ก็ด้วย หลังจากที่หุ่นยนต์หญิงสาวเสมือนมนุษย์เริ่มมามีบทบาทในปัจจุบัน อากิบะก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของเหล่าเทรนเนอร์ที่หวังจะหาซื้อสินค้าเกี่ยวกับ AG หรือแม้กระทั่งเทรนเนอร์มือใหม่ที่อยากจะได้ AG สักตัวในครอบครอง
“แล้วแกมาที่นี่ทำไม เข้าเมดคาเฟ่?”
“เมดคาเฟ่น่ะจะเข้าเมื่อไหร่ก็ได้ วันนี้มันมีอะไรที่ยิ่งใหญ่กว่านั้นอีก ไว้ไปถึงแล้วแกก็จะรู้”
มัตสึไดระพูดให้ดูน่าติดตามแล้วเดินนำเรียวงะไป ระหว่างทางก็ผ่านร้านเมดคาเฟ่ที่มีพนักงานสาวหน้าตาน่ารักในชุดเมดยืนเรียกลูกค้าอยู่หน้าร้าน ซึ่งก็ดูไม่ค่อยออกว่าเป็นมนุษย์หรือ AG เพราะมี AG จำนวนไม่น้อยเหมือนกันที่ทำงานอะไรแบบนี้เหมือนมนุษย์ทั่วไปด้วย
ยิ่งเรียวงะเดินตามทางที่มัตสึไดระไปผู้คนก็ยิ่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ละคนต่างเดินไปยังทิศทางเดียวกัน ดูเหมือนจุดหมายของแต่ละคนต่างเหมือนกัน เช่นเดียวกับมัตสึไดระที่เดินผ่านเข้าไปยังฝูงชนนั้น เรียวงะที่เดินตามไปเริ่มได้ยินเสียงประกาศผ่านลำโพงดังแว่วมา และเสียงนั้นก็เริ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
“นี่ไง ที่ๆฉันอยากมา”
“หืม?”
เมื่อมัตสึไดระหยุดฝีเท้าแล้วพูดขึ้น เรียวงะก็หยุดตามแล้วมองไปข้างหน้า เขาพบผู้คนที่เดินเข้าไปยังร้านค้าร้านหนึ่งอย่างไม่ขาดสาย โดยมีพนักงานสาวประจำหน้าร้านพูดเชิญชวนลูกค้าผ่านไมโครโฟน แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่าป้ายขนาดยักษ์ที่ติดอยู่เหนือประตูร้าน ใหญ่ขนาดที่ว่าคนสายตาสั้นสักสองร้อยก็ยังมองเห็นแต่ไกล พร้อมกับข้อความอะไรบางอย่างที่ระบุอยู่บนนั้น
“ใช่แล้ว! วันนี้เป็นวันที่ร้าน AG Shop ร้านขายสินค้าทุกอย่างเกี่ยวกับ AG ลดราคาสินค้าทุกรายการ บางอย่างลดถึงครึ่งราคาเชียวนะ วันนี้วันเดียวเท่านั้น นั่นแหละคือเหตุผลว่าทำไมฉันต้องโดดทัศนศึกษาแล้วหนียัยนานะมาที่นี่”
มัตสึไดระอธิบายสิ่งที่ระบุไว้บนป้ายขนาดยักษ์โดยที่ไม่ต้องอ่านเอง ก่อนที่เรียวงะจะได้ถามอะไร มัตสึไดระก็ล่วงหน้าเข้าไปในร้านก่อนแล้ว ทำให้เรียวงะจำเป็นต้องเดินตามเขาเข้าไป
เมื่อเข้ามาเรียวงะก็พบว่าภายในร้านนั้นกว้างกว่าที่คิดอย่างมาก ทั่วทั้งร้านต่างเต็มไปด้วยชั้นวางสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ AG ทั้งหมดวางขายอยู่ แต่ละชั้นถูกติดป้ายกระดาษว่า ‘ลดราคา’ ซึ่งจำนวนเปอร์เซ็นต์ที่ลดของสินค้าแต่ละอย่างนั้นต่างไม่เท่ากัน จากที่มองคร่าวๆสินค้ามีทั้งการ์ด เครื่องแต่งกาย อาวุธ หรือแม้กระทั่งฟิกเกอร์ของ AG ตัวต่างๆ เรียกได้ว่าครอบคลุมแทบทุกอย่าง
“ถึงแม้ว่าโดยปกติ AG จะมีชุดและอาวุธมาให้อยู่แล้ว แต่ก็มีบ่อยครั้งหรือเทรนเนอร์หรือแม้กระทั่งตัว AG เองอยากได้ชุดหรืออาวุธใหม่ๆมาใช้บ้าง”
มัตสึไดระพูดขึ้นในขณะที่เดินไปตามโซนขายอาวุธและเครื่องแต่งกาย อาวุธที่วางอยู่มีตั้งแต่อาวุธเบาๆจำพวกมีดเล่มเล็กๆจนถึงอาวุธขนาดใหญ่อย่างดาบเล่มยักษ์ และมีแม้กระทั่งอาวุธรูปร่างแปลกๆที่ดูไม่ออกว่าจะใช้ยังไง เครื่องแต่งกายก็มีทั้งชุดที่ออกแบบสำหรับต่อสู้โดยเฉพาะ หรือชุดน่ารักๆที่ดูแล้วเจริญหูเจริญตาซะมากกว่านำไปใช้ในสนามต่อสู้
“ทำไมแกไม่ซื้อเสื้อผ้าใหม่ๆให้คุณเคียวโกะใส่บ้างล่ะ? อย่างชุดเมดหรือชุดหนังสีดำอะไรแบบนี้”
เรียวงะแทบจะจินตนาการตามคำพูดของมัตสึไดระโดยทันที แต่พอพูดถึงเคียวโกะแล้วเขาก็เริ่มนึกถึงเธอที่บ้านขึ้นมา ก่อนที่จะถูกมัตสึไดระลากตัวไปอีกครั้ง
“และนี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของการมาของฉันในครั้งนี้”
มัตสึไดระยืนอยู่หน้ากระจกใสคล้ายตู้ปลาแต่ใหญ่กว่าหลายเท่าจนกินเนื้อที่ภายในร้านไปเกือบครึ่ง เมื่อเรียวงะเห็นถึงกับตาค้าง เพราะข้างในนั้นเต็มไปด้วยหญิงสาวรูปร่างหน้าตาแตกต่างกันไปนั่งเรียงรายอยู่ข้างในนั้น และบนหน้าอกของแต่ละคนต่างถูกติดหมายเลขเอาไว้
“สนใจ AG ตัวไหนบอกหมายเลขได้เลยนะคะคุณลูกค้า”
ระหว่างที่เรียวงะกำลังอึ้งกับภาพที่เห็น พนักงานในร้านก็เดินเข้ามาให้คำแนะนำตามหน้าที่ เมื่อเธอเห็นเรียวงะก็มีท่าทางแปลกๆนิดหน่อยก่อนที่จะยิ้มให้เขาแบบเจื่อนๆ สงสัยคงเพราะเห็นสภาพการแต่งกายอันดูไม่จืดของเขาแล้วนึกว่าเป็นคนสติไม่ดี
“ขอดูอีกสักหน่อยแล้วผมจะเรียกนะครับ”
มัตสึไดระหันไปพูดกับพนักงาน เธอเปลี่ยนเป็นยิ้มหน้าบานแล้วเดินไปหาลูกค้าคนอื่นๆ เรียวงะเกาแก้มเล็กน้อยก่อนที่จะหันไปทางมัตสึไดระ
“อย่าบอกนะว่า... แกมาเพื่อซื้อ AG งั้นหรอ?”
“มันก็แน่อยู่แล้วนี่นา”
“แล้วนานะล่ะ?”
“เฮ้... ฉันไม่เคยยอมรับยัยนั่นเป็น AG ของฉันสักนิด นี่ฉันอุตส่าห์หนียัยนั่นมาได้ทั้งทีเลยว่าจะซื้อ AG ดีๆที่เข้ากับฉันได้สักตัวจะได้หนียัยนั่นพ้นสักที”
“เอ่อ... ถ้าเป็นฉันจะไม่ทำแบบนั้นนะ”
“อย่างแกมีคุณเคียวโกะเป็น AG ที่ดีอยู่แล้วเลยไม่รู้สึกอะไร ถ้าแกไม่เป็นฉันก็ไม่รู้หรอกว่าฉันปวดหัวแค่ไหนที่อยู่กับยัยนานะน่ะ เอาเถอะน่า อย่าคิดมากแทนฉันเลย ฉันตัดสินใจแล้ว”
แล้วมัตสึไดระก็กวาดสายตามองดู AG ที่อยู่ในตู้กระจกต่อไป พอพูดถึงเคียวโกะอีกรอบเรียวงะก็เริ่มคิดว่าเขาควรจะรีบกลับ เพราะเธอคงเป็นห่วงเขาแย่แล้ว เรียวงะจึงปลีกตัวจากมัตสึไดระโดยไม่พูดอะไรและคิดว่าคงจะบอกเขาทีหลัง เพราะถ้าบอกไปตรงๆว่าเขาจะกลับทางมัตสึไดระไม่น่าจะให้กลับแน่ เรียวงะเดินออกจากร้าน AG Shop เงียบๆสวนทางกับผู้คนที่ยังคงเข้าไปในร้านอยู่เรื่อยๆ
คงเพราะมัวแต่คิดถึงเรื่องของเคียวโกะเรียวงะเลยเผลอไปเหยียบเท้าใครบางคนเข้า นั่นทำให้เรียวงะตกใจก้มศีรษะขอโทษขอโพยยกใหญ่แล้วรีบเดินจากไป แต่ทว่ากลับถูกคว้าคอเสื้อไว้จนเขาต้องหยุด ก็พบว่าคนที่เรียวงะเหยียบเท้าเข้าให้นั่นแหละที่เป็นคนทำ
เรียวงะถึงกับเหงื่อตกเมื่อเพิ่งได้เห็นคนที่เขาเผลอเหยียบเท้าเข้าให้แบบเต็มๆ เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ ย้อมผมสีทองหม่นรวมทั้งหน้าตาที่ดูไม่รับแขก แถมยังมีถึงสองคน
“เหยียบเท้าแล้วคิดจะเดินหนีไปง่ายๆหรอวะ แกรู้ไหมรองเท้าของข้าราคาเท่าไหร่ เสื้อผ้าที่แกใส่ทั้งตัวยังไม่ได้ถึงครึ่งของราคารองเท้าข้าเลยนะเว้ย!”
ลักษณะการพูดเช่นนั้นไม่ต้องสืบก็รู้ว่าเรียวงะกำลังเจอกับแยงกี้ตัวจริงเสียงจริง แค่ขอโทษสำหรับคนจำพวกนี้คงไม่พอแน่ๆอยู่แล้ว
“อ้าวอยู่นี่เองหาตั้งนาน”
ระหว่างที่เรียวงะกำลังหาทางเอาตัวรอดอยู่นั้น มัตสึไดระซึ่งเพิ่งออกมาจากร้าน AG Shop ก็เดินเข้ามาแบบไม่รู้เรื่องรู้ราว ไม่รู้ทำไมเรียวงะถึงคิดว่าการที่มัตสึไดระมาอยู่ตรงนี้ด้วยจะยิ่งทำให้อะไรๆแย่ลง
“เฮ้ๆ มีสาวน่ารักมาด้วยนี่หว่า!”
“ห๊ะ? แกว่าใครเป็นสาววะ!”
มัตสึไดระเตรียมพุ่งเข้าไปบวกกับพวกแยงกี้แบบไม่คิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามมีเยอะกว่า โชคดีที่เรียวงะใช้แขนกันไว้ทัน พวกนั้นคงเห็นแค่หน้าของมัตสึไดระเลยพูดไปแบบนั้น สีหน้าของหนุ่มหน้าหวานแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจ
“อะไรวะ ตัวผู้นี่หว่า น่าเบื่อชะมัด”
พวกแยงกี้ส่ายหน้าแล้วพูดแบบเซ็งๆ เรียวงะเลยถือโอกาสนี้ดึงแขนมัตสึไดระเพื่อที่จะหนีจากสถานการณ์นี้โดยเร็ว แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้หยุดเพราะโดนกระชากเสื้อ แต่หยุดเพราะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มีปลายแหลมจ่อเข้าที่สีข้างของเขาอยู่ เรียวงะเหลือบมองก็พบว่าสิ่งนั้นถูกปกปิดไว้ด้วยผ้าสีดำ เรียวงะมั่นใจว่าคงเป็นมีดแน่นอน แม้ผู้คนจะยังคงเดินไปมาแต่ก็คงไม่มาสังเกตเห็นว่าเขากำลังโดนอะไรอยู่แน่ๆ
“เดินเข้าไปในซอยนั่น อย่าตุกติก ไม่งั้นข้าเอาแกตายแน่”
เรียวงะกลืนน้ำลายดังเอื๊อกแต่ก็ยังคงไม่ตื่นตระหนกและทำตามที่พวกแยงกี้บอก ทำให้มัตสึไดระงงเล็กน้อยเมื่อถูกเรียวงะผลักเข้าไปในซอยเล็กๆที่อยู่ใกล้ๆ ก่อนที่มัตสึไดระจะเข้าใจว่าทำไมโดยไม่ต้องถาม เมื่อเจ้าพวกแยงกี้ดึงผ้าสีดำออกเผยให้เห็นมีดคมกริบในมืออย่างที่เรียวงะคาดเดาไว้
“นี่แกไปทำเรื่องอะไรเข้าให้วะเนี่ย?”
“ถ้ารอดไปได้จะเล่าให้ฟังนะ”
มัตสึไดระกับเรียวงะกระซิบกระซาบกันในขณะที่พวกแยงกี้ควงมีดไปมาดูน่าเกรงขาม ก่อนที่จะพูดขึ้นมาเสียงดังจนทั้งสองสะดุ้ง
“คุกเข่าซะ!!”
“ทำไมฉันต้องทำ-”
มัตสึไดระพูดยังไม่ทันจบก็ถูกเรียวงะกดศีรษะจนลงไปนั่งคุกเข่าด้วยกัน มัตสึไดระมองด้วยความไม่พอใจนิดหน่อย แต่พอเห็นแววตาถมึงทึงของพวกแยงกี้เขาก็ค่อยๆจัดท่านั่งคุกเข่าลงไปอย่างเรียบร้อย
“อยากโดนแทงไส้แตกหรอวะ? ตอนนี้มันให้ทำอะไรก็ทำไปก่อน เดี๋ยวค่อยหาทางหนีทีหลัง”
เรียวงะกระซิบเบาๆ จากนั้นพวกแยงกี้ก็เอามีดชี้ไปที่เรียวงะแล้วพูดขึ้น
“ไอ้กร๊วก! รองเท้าของข้าเปื้อนเพราะแกเห็นหรือเปล่าวะ? จะบอกว่านี่ข้าใจดีมากแล้วนะที่ไม่ทำอะไรแก ถ้าอยากจะจากกันด้วยดีล่ะก็ พวกแกสองคนจงเลียรองเท้าของข้าให้สะอาดเดี๋ยวนี้!”
“เดี๋ยวดิ ฉันไม่เกี่ยวอะไรด้วยนะเว้ย!”
มัตสึไดระตะโกนเสียงดังเล่นเอาเรียวงะมองค้อนนิดๆ
“หุบปากแล้วทำซะ อยากโดนนักหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้นมัตสึไดระทำท่าจะลุกขึ้นไปบวกอีกครั้งโดยไม่กลัวมีด แต่ก็ถูกเรียวงะใช้แขนกันเอาไว้อีกครั้ง
“แกไม่ต้องก็ได้ ฉันทำเอง”
“หา?”
เรียวงะคลานเข่าไปทางแยงกี้ที่ยื่นเท้าเข้ามาพร้อมหัวเราะเยาะ ท่ามกลางสายตาที่มองอย่างสงสารนิดๆของมัตสึไดระ แม้ว่าเมื่อกี้จะเพิ่งโยนขี้ให้ก็ตามที เรียวงะก็ไม่เห็นว่ารองเท้ามันจะสกปรกเลยสักนิด คงเพราะพวกมันอยากจะหาเรื่องซะมากกว่า แต่เพื่อให้ไม่มีปัญหาใหญ่โตเขาก็ต้องยอมทำ
“กร๊ากๆ ท่าทางแกจะรักเพื่อนนะ แต่เพื่อนไม่รักแกเลยว่ะ ขำจริงๆ”
เรียวงะทำเป็นไม่ได้ยินแล้วค่อยๆยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆรองเท้าของพวกแยงกี้ ในใจเขาก็ไม่ได้โกรธอะไรมัตสึไดระ ก็อย่างที่ว่า ทางนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย คนที่ต้องรับผิดชอบคือเขาคนเดียว สายตาของพวกแยงกี้มองมาด้วยความดูถูก แต่เด็กหนุ่มไม่ใส่ใจ แค่เลียรองเท้าพวกมันทุกอย่างก็จะจบ
เปรี้ยง!!ในขณะที่ลิ้นของเรียวงะใกล้จะสัมผัสรองเท้าของพวกแยงกี้นั้นก็เกิดเสียงประหลาดขึ้น เสียงนั่นทำให้แยงกี้ผู้เป็นเจ้าของรองเท้าถึงกับหงายลงไปกองกับพื้นแล้วแน่นิ่งไป เรียวงะตกใจรีบถอยออกมา ก่อนที่จะเห็นสตรีเรือนผมยาวสีแดงอยู่ตรงหน้า เพียงแค่นั้นเรียวงะก็รู้ทันทีว่าเธอคนนี้เป็นใคร
“บังอาจมากนะ! ที่มาทำร้ายเรียวคุ- เอ่อ... เรียวงะของฉัน!!”
เคียวโกะที่เมื่อสักครู่ได้พุ่งเข้ามากระโดดถีบเจ้าแยงกี้จนคว่ำพูดขึ้น ทำให้แยงกี้อีกคนที่มาด้วยกันมองด้วยความตกใจ ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปหวังจะทำร้ายเคียวโกะที่หันหลังให้ เรียวงะกำลังจะตะโกนร้องเตือนแต่ก็มีวัตถุประหลาดพุ่งอย่างรวดเร็วเข้าใส่หน้าของผู้ประสงค์ร้ายคนนี้เข้าเต็มๆจนนอนสลบเหมือด
“เล่นทีเผลอแบบนี้ม่ายดีเลยน่อ”
เจ้าของสำเนียงญี่ปุ่นที่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่นั้นเป็นสาวน้อยตัวเล็กผมสีส้มในชุดกี่เพ้าสีแดงที่ค่อยๆเดินเข้ามาแล้วหยิบวัตถุที่เพิ่งกระแทกหน้าแยงกี้เมื่อครู่ขึ้นมา พบว่ามันเป็นร่มนั่นเอง เธอกรอกดวงตาสีฟ้าไปที่มัตสึไดระที่ชี้มาที่เธอพร้อมตะโกนขึ้น
“นานะ!”
“หนายบอกว่าปายทัศนศึกษาไง ทามมายถึงมาอยู่นี่?”
นานะเท้าสะเอว มัตสึไดระไม่ตอบแล้วหันหน้าหนีพร้อมเดาะลิ้น ทางฝั่งเรียวงะเองที่ค่อยๆลุกขึ้นยืนก็โดนเคียวโกะแว้ดใส่
“เรียวงะ! จะไปไหนทำไมไม่บอก ฉันหาแทบแย่”
“ช่ายๆ ทามมายไม่บอกอั๊วะสักคำ แถมยังหลอกอั๊วะว่าปายทัศนศึกษาอีก ดีนะที่อั๊วะไปเจอคุงเคียวโกะที่บอกว่าลื้อมาหาคุงเรียวงะเลยตามหาจนเจอ”
“มัตสึไดระคุงก็อีกคน! จะพาเรียวงะไปไหนฉันไม่ว่านะ แค่บอกกันก่อนก็พอ โชคดีที่มาช่วยไว้ทัน ไม่งั้นจะเป็นอะไรบ้างก็ไม่รู้”
มัตสึไดระก็โดนเคียวโกะแว้ดจนก้มหน้าซึมไปอีกคน แต่สุดท้ายเธอก็ถอนหายใจเบาๆแล้วยิ้มให้
“แต่ไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะ”
เคียวโกะลูบศีรษะเรียวงะเบาๆ มัตสึไดระเหลือบมองแบบอิจฉานิดๆ ก่อนที่จะหันไปโวยวายกับนานะ
“เธอก็ดูอย่างคุณเคียวโกะบ้างสิ”
“อารายอีกเล่า! อั๊วะอุตส่าห์มาช่วยนะ!!”
“ฮึ้ย!!”
“แง่ง!!”
ทางฝั่งมัตสึไดระกับนานะดูท่าจะจบแบบไม่งดงามเท่าไหร่ แต่อย่างน้อยทุกคนก็ปลอดภัย แยงกี้ที่ถูกอัดจนหมอบก็ยังไม่ฟื้น ทั้งสี่ต่างรู้กันว่าพวกเขาควรจะกลับกันได้แล้ว
“งั้นฉันขอตัวนะ”
“เออ... โชคดี”
เรียวงะกล่าวลามัตสึไดระแล้วเดินจากไปพร้อมเคียวโกะ นานะโบกไม้โบกมือลาให้ทั้งสอง มัตสึไดระรีบเดินออกจากซอยโดยไม่บอกนานะ ทำให้เธอต้องรีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะตามเขาให้ทัน
“แล้วนั่นลื้อจะปายหนาย?”
“ก็กลับบ้านน่ะสิ”
“ทามมายไม่เดินไปกะอั๊วะล่ะ?”
“ฉันไม่เดินกลับกับเธอเด็ดขาด”
“ฮิๆ เดินกับผู้หญิงแล้วเขินหรออามัตจัง?”
“บอกกี่ครั้งว่าอย่าเรียกฉันว่ามัตจัง!”
มัตสึไดระฮึดฮัดแล้วเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นโดยที่นานะหัวเราะคิกคักแล้วตามหลังไปติดๆ แต่จู่ๆมัตสึไดระก็หยุดกะทันหันจนนานะเดินชนเข้าที่แผ่นหลังของเขา ด้วยความที่นานะตัวเล็กกว่ามัตสึไดระทำให้เป็นฝ่ายเธอที่ล้มคะมำลงไปกองบนพื้น
“หยุดเดินก็ไม่บอกสักคำเลยน่อ”
“นานะ”
“ว่างาย?”
“ฉันมีข้อเสนออะไรบางอย่างให้เธอ”
“เอ๋?”
จุดที่มัตสึไดระหยุดอยู่นั้นคือกำแพงที่มีแผ่นโปสเตอร์อะไรบางอย่างติดอยู่ และโปสเตอร์ในลักษณะเดียวกันนี้ก็ต่างติดอยู่ในหลายๆจุดของกำแพงเพื่อหวังให้เป็นที่สะดุดตาและมีใครหยุดอ่านบ้าง ซึ่งมัตสึไดระเหมือนจะเห็นอะไรบางอย่างที่น่าสนใจจึงหยุดอ่านแผ่นโปสเตอร์นั้นอย่างละเอียด
“มีข้อเสนออารายหรอ?”
“นานะ เธอเป็น AG ที่ยอดเยี่ยมของฉัน”
“จู่ๆมาชมอั๊วอย่างนี้มีอารายหรือเปล่า?”
“ฉันอยากลงแข่ง AG Battle”
นานะลองอ่านแผ่นโปสเตอร์นั้นดูบ้าง พบว่าเป็นโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์การแข่งขัน AG Battle ระดับประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันการต่อสู้ระหว่าง AG ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และแน่นอนว่าเงินรางวัลสำหรับผู้ชนะก็ใหญ่ตามเช่นกัน
“เราสองคนจะชนะและเอาเงินรางวัลมาให้ได้”
“โอ๊ะโอ๋ ฟังดูน่าสนุกจัง”
“แต่ฉันมีข้อเสนอคือ พอเราสองคนชนะ เงินรางวัลที่ได้จะเอามาแบ่งกันคนละครึ่ง แล้วเธอกับฉันจะต้องแยกทางใครทางมัน”
“เอ๋?? ว่าเลี้ยว จู่ๆมาชมอั๊วะต้องมีอารายแน่ๆ อั๊วะไม่อาวด้วยหรอกอั๊วะจะอยู่กับอามัตจัง”
“นี่นานะ เธอคิดให้ดีๆนะ รางวัลร้อยล้านเยนเชียวนะ แบ่งกันก็คนละห้าสิบล้าน เธอเอาไปใช้สบายได้ทั้งชาติ”
“อั๊วะอยู่แบบนี้ก็สบายอยู่เลี้ยวน้า”
“ซื้ออะไรที่อยากกินได้ไม่อั้นด้วยนะ”
“กะ... กิงได้ไม่อั้นหรอ?”
ท่าทางการโน้มน้าวด้วยของกินจะได้ผล ดวงตาของนานะเริ่มส่องประกาย
“นั่นหมายความว่ากิงซาลาเปาได้เป็งลังๆเลยช่ายม้า?”
“ได้กินมากกว่านั้นด้วยซ้ำ”
นานะเริ่มจะคล้อยตามเรื่อยๆ มัตสึไดระเริ่มแสยะยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์
“งั้นตกลง อั๊วะอาวด้วย”
“สัญญาแล้วนะ”
“อื้ม!”
“ดีมาก...”
“ลัลล้า~ ♪ ซาลาเปา ♪ ซาลาเปา ♪”
“ในที่สุดก็หาทางหนีจากยัยนี่ได้สักที เฮ้อ”
“พูดอารายนะ?”
“เปล๊า!”
มัตสึไดระตอบปฏิเสธแบบมีพิรุธ แต่นานะก็ไม่สนใจเดินนำหน้ามัตสึไดระพร้อมฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
----------------------------------------------------
“พี่โกรธผมอยู่ใช่ไหม?”
เรียวงะพูดขึ้นเมื่อเดินตามเคียวโกะซึ่งไม่ได้พูดอะไรกับเขามาสักพักแล้ว แม้เมื่อสักครู่จะเพิ่งลูบศีรษะเขาอย่างเอ็นดูและดีใจที่เห็นเขาปลอดภัยก็ตาม
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะ?”
“ผมรู้นะว่าเมื่อกี้พี่พยายามไม่หักหน้าผม จริงๆพี่น่าจะโกรธผมมากแน่ๆ”
“งั้นหรอ?”
เคียวโกะพูดแค่นั้นก็เดินต่อไปโดยไม่พูดอะไรต่อ บรรยากาศกลับมาเงียบสนิทอีกครั้งจนถึงหน้าบ้านของทั้งสอง ในระหว่างที่เคียวโกะกำลังเปิดประตูบ้านเข้าไป เรียวงะก็พูดขึ้นมาอีกรอบ
“พี่เคียวโกะ”
“ว่าไง?”
“ผมขอบคุณพี่มากนะครับที่คอยอยู่เคียงข้างผม คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด ถ้าไม่มีพี่ผมก็ไม่มีวันนี้ ผมรู้สึกว่าพี่เคียวโกะเหมือนพี่สาวของผมจริงๆ เป็นพี่สาวที่ดีที่สุดของผม”
“หึๆ ชมไปก็ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ”
“ผมอยากจะตอบแทนพี่เคียวโกะบ้าง แต่ก่อนที่จะทำแบบนั้นได้ผมคงต้องขอให้พี่ช่วยอีกครั้ง”
“เอ๋?”
เคียวโกะเอียงคอสงสัย
“ยังจำ AG Battle ที่เราสองคนดูในโทรทัศน์ได้ใช่ไหม?”
“อื้ม ได้สิ”
“ผมขอให้พี่ลงแข่ง AG Battle กับผม เราสองคนจะต้องคว้าเงินรางวัลมาให้ได้ ผมจะเอาเงินรางวัลที่ได้ทำให้พี่เคียวโกะมีความสุข”
“พูดอะไรของเธอน่ะ?”
“ผมจริงจังนะครับ ให้ผมได้ทำอะไรให้พี่บ้าง”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงและได้เห็นสีหน้าที่จริงจังของเรียวงะ เคียวโกะก็นิ่งไปสักพักด้วยความแปลกใจ ก่อนที่จะแค่นเสียงหัวเราะเบาๆในลำคอแล้วพูดขึ้นมา
“โตขึ้นเยอะเลยนะ เรียวคุง”
เคียวโกะเสยผมขึ้นแล้วยิ้มให้ พร้อมลูบศีรษะเรียวงะอีกรอบก่อนที่จะเดินเข้าบ้านไป แม้เธอจะไม่ได้ตอบแบบตรงๆ แต่เรียวงะก็เข้าใจดีว่าคำตอบของเธอคือตกลง...