สิ้นเสียงประกาศจากคิงคอง เราวัยรุ่นเลือดร้อนแห่งโรงเรียนอีกาซึ่งทนยืนเงิบอยู่นาน จนอารมณ์ครุกรุ่นในตอนแรกมันแทบจะหายไปหมดหลังเจอเหตุการณ์ต่างๆที่น่าตื่นตะลึงในเมื่อไม่กี่นาทีมานี้ จนทำให้บางคนถึงกับลืมไปเลยว่าตัวเองมาทำอะไรตรงนี้
แต่น่าแปลกใจ เมื่อทุกคนได้ยินคำว่า"สงครามปีหนึ่ง"จากปากของโกโร่ ราวกับเป็นปุ่มกดอัตโนมัติ ทุกคนสำนึกได้ว่าตัวเองมาทำอะไรที่นี่ และไฟเริ่มกลับมาลุกโชนอีกครั้งง่ายได้เมื่อได้กลิ่นการต่อสู้
เสียงที่เคยเงียบไปนานก็กลับดังขึ้นอีกครั้ง ด้วยเสียงโห่ร้องของเหล่าอีกาเลือดใหม่ที่กระหายการต่อสู้ เสียงกำปั้นกระทบกัน เสียงการตลุมบอนอันแสนดุเดือดที่เกิดขึ้นทุกปี
ทุกคนต่างโถมเข้าหากันราวกับคลื่นพายุ ไม่มีแบ่งแยกฝ่าย เหล่าอีกาต่างกระโจนเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่ง
"เห...เห็นพวกมันคึกคักอย่างนี้ชักอยากจะเข้าไปร่วมวงแล้วสิ"
เซ็นโซหรือชายหนุ่มร่างสูงในแว่นตากันแดดในชุดเครื่องแบบสีขาวของโรงเรียนโฮเซ็น เอ่ยขึ้นกับพรรคพวกแก๊ง Hawa ขณะดูดน้ำมะพร้าวจนหมดกล่อง
"หมดซะล้ะ อาริขอเพิ่ม เอาแบบกล่องแบบนี้นะ"
ชายหนุ่มหน้าตากวนบาทาหรออาริ ยิ้มรับก่อนจะโยนน้ำมะพร้าวกล่องจากกระบะแชเย็นที่มีผลิตภัณฑ์จากมะพร้าวบรรจุอยู่เต็ม
"ใจเย็นหน่าเซ็นโซ พวกเราแค่จะมาสังเกตการไม่ใช่หรอ"
ชายในแว่นหน้าเตอะไอ้คิวสูง หรือโซซาบารุ โก เอ่ยขึ้นกับชายผมดำ
ชายผมดำไม่ตอบ พลางดูดน้ำมะพร้าวรวดเดียวหมด ก่อนจะแบมือขอเพิ่มจากอาริ
"ก็หวังว่าปีนี้คนชนะจะมีคุณค่าพอทำให้นายสนใจได้หล่ะนะ ไม่งั้นคงเซ็งแย่"
ชายในแว่นคนเดิมคาดการณ์ไว้แล้วว่าคงไม่ได้คำตอบจากเซ็นโซจึงพูดต่อพลางดันแว่นขึ้น
"ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น.."
เซ็นโซรำพึงกับตัวเองเบาๆ พลางจับจ้องไปที่ชายผมแดงคนหนึ่งซึ่งกำลังตลุมบอลอยู่ในหมู่อีกา
.......................................................................................................................................................
.......ในเวลาเดียวกัน.....ณ สถานนีรถไฟฟ้าชินกันเซ็นแห่งหนึ่งระแวกนี้
ชายหนุ่มผมทองร่างสูงในเสื้อซูกาจั่นสีแดงแจ๋สะพายเป๋สัมภาระกำลังเดินออกมาจากสถานนีรถไฟฟ้าใต้ดิน
เข้ากางแผนทีในมืออย่างทุลักทุเล เงยหน้าขึ้นมามองเปรียบเทียบกับป้ายต่างๆรอบๆตัวอย่าง งงๆ
"นี่ป้าครับ โรงเรียนไซไซรันนี่มันอยู่ตรงไหนหรอครับ"
ชายผมทองหยิบแว่นกันแดดขึ้นมาใส่อย่างเท่ ก่อนจะเดินไปถามคุณป้าร้านข้าวกล่องที่อยู่ระแวกนั้น คุณป้าก็งงแดก โรงเรียนเชี่ยไรวะไซไซรันตูไม่รู้จัก
"เอ...หรือเราจะมาผิดเมือง..."
"หรืออีมนุษย์ป้ามันจะโกหก"
พอคิดได้อย่างนั้น คุณสุภาพบุรุษก็ตั้งใจที่จะเดินกลับเข้าไปในร้านไปสั่งสอนไอ้ป้านี่สักหน่อย
แต่ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกไป ชายหนุ่มผมทองผู้นี้ก็เหลือบไปเห็นชายผมทองสีเดียวในชุดเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงนักเรียนม.ปลายสีดำกำลังจอดมอเตอร์ไซด์คันใหญ่ที่หน้าร้านของป้าขายข้าวกล่องเหมือนจะมาซื้อข้าวกล่องไปกิน
ด้วยความรู้สึกหรือความบ้าหรืออะไรสักอย่าง ชายหนุ่มผมทองในชุดสีแดงไม่รอช้า ตรงเข้าไปหาชายคนนั้นทันที
"เฮ้ พี่ชาย พอรู้จักโรงเรียนไซไซรันบ้างไหม"
"หืม?"
ชายผมทองในเสื้อกล้าม หันมามองคนถามงงๆ เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาเอาการ
'เชรด! หล่อ! แต่น่าเสียดาย...ยังเทียบเราไม่ได้'
หนุ่มผมทองในชุดซูคาจั่นสีแดงคิดใจอย่างหลงตัวเองน้อยที่สุด
"โรงเรียนไซไซรันไงพี่ชาย หรือไม่ก็อพาทเม้นโยมิโฮชิก็ได้"
"อพาทเม้นโยมิโฮชิของคุณยามาชิกับคุณยาซูชิหน่ะชั้นรู้จัก....แต่ไอ้โรงเรียนไซไซรันเนี่ย นายหมายถึงซูซูรันรึเปล่า?"
ชายหน้าหล่อผมทอง จ้องไปที่เสื้อผ้าของผู้มาถามซึ่งมันไม่ใช่เครื่องแบบนักเรียนเลยสักนิด เขาคิดอยู่พักนึกก่อนตอบ เผื่อไอ้นี่มันจะฉลาดขึ้นบ้าง
"อ๋อ นั่นแหละครับ ไอ้ซูซูอะไรนั่นแหละ"
"ซูซูรันเฟ้ย"
ชายหน้าหล่อแก้ให้อย่างเอือมระอา แต่เมื่อพูดถึงซูซูรันเขาก็นึกอะไรบางอย่างที่สำคัญได้
"วันนี้เปิดเทอมวันแรก....สงครามปีหนึ่งนี่หวา!!"
เร็วกว่าความคิด ชายผมทองคว้าเสื้อแจ็กเก็ทหนังที่พาดอยู่บนมอเตอร์ไซต์สีดำคันใหญ่ของตนขึ้นมาสวม
"ไม่แดกแม่งละ ข้าว"
"นาย...เด็กปีหนึ่งพึ่งเข้าใหม่สินะ"
ชายผมทองที่ตอนนี้สวมชุดหนังทับเสื้อกล้ามของตนไปแล้ว เอ่ยกับชายผมสีเดียวกันในชุดซูคาจั่นสีแดง พลางสตาร์ทเครื่อง
"อ่า...ใช่ครับ"
"ชั้นชื่อฮิงูจิ อยู่ซูซูรันปีสอง นายขึ้นมาเลย"
ชายในชุดหนังกวักมือเรียกให้ขึ้นมาซ้อนท้ายมอตอไซด์คันใหญ่ของเขา ก่อนจะดูนาฬิกาอย่างรีบร้อน
"บ้าเอ๊ย...อดดูตอนเริ่มเลยแฮะ"
เขาบ่นเบาๆ ขณะที่ชายผมทองตามขึ้นมาซ้อนท้ายอย่างงงๆโดยไม่แม้แต่จะถามอะไร
"อะไรคือปีสองหรอ?"
"นายเคยได้ยินเรื่องสงครามปีหนึ่งไหม?"
ฮิงูจิทำเป็นไม่ได้ยินคำถามโง่ๆนั่น ก่อนจะหาเรื่องอื่นคุย ขณะเหยียบคันเร่งออกตัวไป
"มะ มะ ไม่เคยครับ "
ชายผมทองที่ซ้อนท้ายอยู่ถึงกับต้องถอดแว่น ผวาไปกับความเร็วของมอเตอร์ไซด์ ลมตีใส่หน้าจนผมยุ่ง
"งั้นระหว่างทาง ชั้นจะเล่าให้ฟังละกัน เกาะดีๆหล่ะ"
..........................................................................................................................................................
ตัดกลับมาที่โรงยิมของโรงเรียนซูซูรัน
หลังจากผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมง ในตอนนี้เหลือผู้ที่ยืนหยัดต่อสู้อยู่ไม่ถึงสิบคนหลังจากที่ตอนแรกมีกันเกือบร้อย เสียงกำปั้นแลกกำปั้นยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
คนที่สู้ไม่ไหวแต่ยังพอมีสติอยู่ ก็ปลีกตัวออกมาดูการแข็งขันเงียบๆ จนในตอนนี้ทั้งสิบคนเหมือนกับโดนล้อมด้วยผู้ชมเป็นวงกลม
แต่เหล่าผู้ชมซึ่งได้ถอนตัวออกมา ไม่มีใครพูดอะไรทั้งนั้น ทุกคนจับจ้องไปที่การต่อสู้เป็นตาเดียว ในยามนี้จึงมีแต่เสียงหมัดแหวกอากาศ เสียงกระทบกันของกระดูกและกล้ามเนื้อเท่านั้น
และในไม่ช้า ไฮไลท์สำคัญก็มาถึง....
การต่อสู้ตัวต่อตัวของสองคนสุดท้าย
คนหนึ่ง..คือชายหนุ่มผมแดงหน้าตาดี ซึ่งบัดนี้ใบหน้าปูดบวม เลือดอาบ เสื้อผ้าหลุดลุ้ยหมดสภาพ
อีกคนคือชายผมสีทองหน้าตาโหด ซึ่งมีสภาพเละเทะไม่แพ้กัน
ทั้งสองคนยืนจ้องหน้ากันโดยไม่มีใครขยับ ความกดดันแผ่ซ่านไปทั่วห้อง
"น่าสนใจแฮะ"
หนุ่มแว่นหน้าเตอะร่างสูงหรือ โซซาโบรุ โก รำพึงเบาๆ ก่อนจะดันแว่นขึ้นเล็กน้อยคล้ายจะตั้งใจเก็บข้อมูล
"อะไรหรอโกคุง"
ชายผมดำรูปร่างผอมที่มีหน้าตาที่กวนบาทาเป็นเอกลักษณ์หรืออาริ เอ่ยถามเพื่อน ในมือก็กินแซนวิสสอดใส้มะพร้าวอย่างเอร็ดอร่อย
"ก็เจ้าสองคนนั้น เซ็นโซเขาหมายตาไว้ตั้งแต่แรกแล้วหล่ะ"
โกยิ้มตอบ พลางโบ้ยมือไปกลางโรงยิม ซึ่งทั้งคู่กำลังยืนจ้องหน้ากันท่ามกลางเหล่าอีกาที่พ่ายแพ้ที่กำลังยืนล้อมวงดูการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
"ทั้งแดง ทั้งทอง .....ไอ้พวกทำสีผมเห่ยๆ"
อาริเบ้ปาก ก่อนจะกลืนแซนวิสขนาดเท่าหนึ่งกำปั้นลงไปโดยไม่ต้องเคี้ยว
"แต่ไหนๆก็ไหนๆแล้ว นึกว่าจะมีคนที่น่าสนใจเยอะกว่านี้อีกนะ"
"ไม่แปลกหรอก ผู้ชนะสงครามปีหนึ่งของที่นี่ทุกคนไม่ได้เก่งที่สุดเสมอไปหรอกนะ"
ยังไม่ทันที่ชายแว่นหนาจะได้ขยับปาก หนุ่มหน้าหวานอีกคนก็แทรกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
"ดูอย่างไอ้หน้าโง่นั่นสิ"
หนุ่มหน้าหวานนามคะซูมะยิ้มเหยียด ก่อนจะชี้ไปที่โกโร่ซึ่งยืนดูการต่อสู้กับพรรคพวกของตนอยู่บนเวที ส่งให้คิงคองร่างใหญ่ถึงกับอดสะดุ้งไม่ได้เมื่อเห็นคนที่เคยอันตัวเองจนเละชี้มาทางตนเอง
"สวะสิ้นดี"
"คือคุณจะบอกว่า พวกเก่งๆหลายๆคนก็ไม่มาเข้าร่วมสงครามปีหนึ่งนี่สินะ"
โกเสริมให้อย่างถูกจังหวะ ส่งให้อาริได้แต่พยักหน้ารับหงึกๆด้วยความเข้าใจ
"แต่เจ้าสองคนนั้นก็เก่งระดับหนึ่งหล่ะนะ......"
"เจ้าคนผมทองนั่นรู้สึกจะชื่ออัคคี รู้สึกจะมาจากประเทศไทยหรือจีนหรืออะไรนี่แหละ เก่งพอตัวเลย มาอยู่ญี่ปุ่นหลายปี รู้สึกว่าจะเคยอัดพวกม.ปลายไปหลายคนเลยตั้งแต่ยังเรียนม.ต้น ส่วนเจ้าผมแดงนั่นน่าจะเป็นพวกโนเนมนะ..."
โกเอ่ยเสริมเกร็ดความรู้เข้าไป ก่อนจะพูดต่อ
"ดูสิ..ถ้าไม่เก่งจริงไม่ทำให้เซ็นโซสนใจซะขนาดนี้ได้หรอก"
"ไม่ใช่ว่าไอ้ขี้เก๊กนี่เป็นเกย์ ชอบดูผู้ชายปล้ำกันหรอกนะ"
อาริต้องเงียบปากไปทันที เมื่อทุกคนยกเว้นเซ็นโซหันมาค้อนด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่สนใจ เหมือนมองขยะชิ้นหนึ่ง
"เรามันก็เป็นได้แค่ขยะสินะ"
ขณะที่อาริหดหู่อยู่คนเดียว ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวเกิดขึ้นในวงของเหล่าซูซูรัน
ชายทั้งสองตั้งการ์ดขึ้นในระดับที่ตัวเองถนัด ทั้งห้องเงียบสนิท แรงกดดันออกจากทั้งคู่มากขึ้น สมาธิและความเงียบแช่แข็งทั้งห้องเอาไว้
ผ่านไปหลายนาที ทั้งคู่ก็ยังจ้องกันไม่กระพริบ เฉือดเฉือนกันผ่านทางสายตาอย่างรุนแรงจนคนอื่นรู้สึกได้ถึงกับกลืนน้ำลายไปกับความกดดันที่เหมือนออกมาจากสัตว์ป่ากระหายเลือด
และในไม่กี่อึดใจ เสียงสายลมถูกแหวกออก พร้อมกับร่างของชายทั้งคู่ที่พุ่งเข้าหากันด้วยความรวดเร็วจนแทบจะมองไม่ทัน
หมัดของหนุ่มผมแดงแหวกเข้าอากาศเข้าไปที่ปลายคางของคู่ต่อสู้ ส่วนของอัคคีแหวกสวนเข้าไปที่แก้มของชายผมแดงอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด
แต่ในพริบตานั้นก่อนที่หมัดอันทรงพลังของชายผมแดงจะกระแทกเขากับคางของชายผมทองและทำให้เขาน็อค แต่ชายผมทองกลับอาศํยจังหวะภายในเสี้ยววินาทีหลบหมัดของคู่ต่อสู้ได้อย่างฉิวเฉียว และเช่นเดียวกับชายผมแดง เขาเบี่ยงตัวหลบหมัดสปีดนรกอย่างคล่องแคล่ว
แต่ชายผมแดงไม่ทันได้สังเกตรอยยิ้มของชายผมทองซึ่งซ่อนอยู่ภายใต้กำปั้นนั้น
อักคีรอจังหวะตวัดขาที่รอมานาน ในท่าจระเข้ฟาดหางเล็งเข้าไปที่ช่วงเอวและสันหลังของชายผมแดงอย่างรวดเร็ว และนั่นเร็วเกินกว่าที่ชายผมแดงจะหลบทัน
ชัยชนะอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น ทันทีที่ขาตวัดโดนกระดูกสั้นหลัง คู่ต่อสู้ของเขาจะต้องล้มลงอย่างแน่นอน
แต่มันกลับไม่เป็นอย่างที่ชายผมทองคิด
และนั้นทำให้เขาและทุกๆคนถึงกับตะลึง เมื่อชายผมแดงรับลูกเตะอันรุนแรงนั้นไว้ได้อย่างเฉียบขาด
"ย้ากกกกกกกกกก!!!!!!"
ชายผมแดงดึงขาของอัคคี ซึ่งทำให้ร่างกายผู้ที่ถูกดึงเซถลามาหากำปั้นของชายผมแดงที่รอเผด็จศึกอยู่แล้ว
ปั่กกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!
โครมมมมมม!!!
พลังหมัดอันรุนแรงส่งผ่านแขนออกไปถึงกรามของชายผมทองผู้ซึ่งบัดนี้ พลาดท่าไปกลิ้งลงนอนสลบอยู่ที่พื้น
ทั้งห้องเงียบงัน มีแต่เสียงหอบของชายผมแดงเท่านั้น
เขาถอดเสื้อที่เปรอะไปด้วยเลือดออก ก่อนจะชูมือตัวเองขึ้นฟ้าท่ามกลางความเงียบ และงุนงงของทั้งห้อง
"เฮ้ย เซ็นโซ!!"
แต่ในพริบตานั้นเอง เสียงฝ่าเท้าแหวกอากาศดังขึ้นด้านหลังของชายผมแดงเพลิงผู้นี้
เป็นเซ็นโซที่กระโดดงอเข่าพร้อมเตะสุดแรงเกิดลงมาจากสแตนสูงหลายเมตรลงมาหาเขาโดยไม่พูดไม่จา
เร็วเกินกว่าที่ทุกคนจะได้ตกใจ ชายผมแดงหลบลูกเตะนั้นได้อย่างฉิวเฉียด แต่นั้นไม่ทำให้สีหน้าของเซ็นโซเปลี่ยนแม้แต่น้อย เขานำร่างของตัวเองลงพื้นได้อย่างสงบท่ามกลางวงของเหล่าอีกา
และชายผมแดงไม่รอช้า เหวี่ยงหมัดไปหาชายหนุ่มผมดำในชุดโฮเซ็นในจังหวะที่เขาเพิ่งลงพื้นและกำลังหันหลังอยู่
แต่ทั้งห้องก็ต้องตกตะลึงอีกครั้ง เมื่อหมัดของเขาถูกรับไว้ได้ด้วยมือของเซ็นโซอย่างง่ายดาย
"ไม่เลวเลยนี่"
ชายผมดำพูดเบาๆ ก่อนจะถอดแว่นกันแดงออกมาเหน็บไว้ ก่อนจะสะบัดมือของชายผมแดงออก
ชายผมแดงไม่รอช้า เหวี่ยงหมัดในอีกมือเล็งไปที่ใบหน้าของเซ็นโซอีกครั้ง
แต่เขา....เซ็นโซกลับหลบหมัดนั้นอีกครั้ง ก่อนที่จะใช้นิ้วจิ้มเบาๆเขาไปที่หน้าผากของชายผมแดง และนั่นทำให้ชายหนุ่มถึงกับหยุดเคลื่อนไหวและอดช็อคไม่ได้
"แกชื่ออะไร"
เซ็นโซเอ่ยถาม พลางประสานสายตาไร้กรอบแว่นตากันแดดซึ่งหน้าเกรงขามราวกับอสรพิษร้าย
ชายผมแดงถึงกับหลบสายตาเซ็นโซเพราะทนกับแรงกดดันไม่ไหว เขาถอยหลังออกมาอย่างระวังตัว และเลิกคิดที่จะพุ่งเข้าไปหาชายผมดำอีก
"คุโรซาวะ...อายาเมะ...."
"ชั้นทาคะดะ เซ็นโซ"
เซ็นโซตอบพลางพินิจพิเคราะห์ชายผมแดงหัวจนเท้า ก่อนจะยิ้มเยาะเบาๆ
"ไว้เจอกันนะ...ไอ้หนุ่มหัวแดง..."
เซ็นโซพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาที่พร้อมจะทำให้เลือดของคนฟังแข็งเป็นน้ำแข็ง ก่อนจะยิ้มอย่างเจ้าเลห์ เดินส่วนกับฮิงูจิผ่านเหล่าซูซูรันที่ยืนนิ่งแข็งเป็นหินเพราะแรงกดดันของเขาโดยที่ทุกคนไม่แม้แต่จะกล้ามอง
"กลับกันเถอะ"
ชายหนุ่มผมดำกวักมือเรียกพรรคพวกให้ลงมาจากแสตน
แต่ยังไม่จบง่ายๆ เมื่อชายผมทองหรืออัคคีที่ฟื้นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหรไม่รู้ วิ่งผ่ายฮิงูจิ ผ่านวงล้อมซูซูรัน ด้วยสปีดที่เร็วมหาศาล เข้าไปหาเหล่าHawaที่กำลังจะเดินออกจากโรงยิม
แต่ยังไม่ทันได้ถึงตัวเซ็นโซ ชายหนุ่มรู้สึกว่าโลกทั้งใบหมุนติ้ว ก่อนที่สติจะหายไปอีกครั้ง เมื่อศรีษะกระแทกเข้ากับพื้น
และนั่นคือฝีมือของหนุ่มหน้าสวยหนึ่งในสมาชิกของHawa และไม่มีใครมองทันว่าเขาทำได้อย่างไร
"ไว้เจอกันใหม่นะ...เหล่านกกระจอกในกรง"
ชายหน้าสวยยิ้มเหยียดก่อนจะทิ้งท้ายไว้ด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะเดินตามเพื่อนๆของตนออกไปอย่างไม่ใยดี ทิ้งไว้ให้เพียงแต่ความหวาดกลัว ตกตะลึง และสับสนของทุกคน
คิงคองหรือโกโร่เป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ คว้าเครื่องขยายเสียง ก่อนจะประกาศด้วยเสียงอันดังเพื่อเรียกสติของทุกคนกลับมา
"ผู้ชนะของสงครามปีหนึ่ง!........คุโรซะวะ อายาเมะ!!!"
...........................................................................................................................................
"เป็นไงบ้างเซ็นโซ เจ้านั่นได้เรื่องไหม"
อาริถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ขณะก้าวผ่านรั้วโรงเรียนซูซูรันออกมาในเวลาเย็นอย่างปลอดภัย
เซ็นโซไม่ตอบพลางคว้าแว่นตากันแดดขึ้นมาใส่ หยิบบุหรี่มาคาบ เสยผมเบาๆ
'ไอ้ขี้เก๊กเอ๊ย'
"ดูเหมือนการมาครั้งนี้จะไม่เสียเปล่าใช่ไหมครับ เซ็นโซ"
โกหันมาพูดกับเพื่อนสนิท พลางหยิบไฟเช็คขึ้นมาจุดให้
"เจ้านั้นหลบลูกเตะชั้นได้"
เซ็นโซหยิบบุหรี่ออกจากปาก ขณะตอบหนุ่มแว่นหน้าเตอะ
"แต่นายก็รับหมัดมันได้แถมหลบได้ด้วยนะ"
ทุกคนพยักหน้ารับกับคำกล่าวของเซ็นโซอย่างเข้าใจ ยกเว้นอาริที่ขัดขึ้น
เซ็นโซไม่ตอบ หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบต่อ พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหนาย
"อะไรฟ่ะ ก็เค้าสงสัยอ่ะ!"
"คนที่หลบลูกเตะของเซ็นโซกลางอากาศได้มีไม่กี่คนหรอกนะ...ถึงท่าเตะของชั้นจะแรงกว่าก็เถอะ"
กลายเป็นชายหนุ่มหน้าสวยที่อธิบายขณะมองวิวพระอาทิตย์ยามเย็นในท้องฟ้าสีแดงขณะกำลังเดินกลับอย่างสบายใจ แต่ก็ยังไม่วายจะต้องโม้นิดๆถึงแม้ว่านั่นจะจริงก็ตาม
"แถมเจ้าหมอนั้นยังบาดเจ็บขนาดนั้นแล้วด้วย แต่ประสาทสัมผัสกับสัญชาติญาณมันยังไม่หายไป"
โกเสริมให้พลางดันแว่นขึ้นด้วยท่าทางฉลาดสุดๆ
"แล้วยิ่งตอนรับลูกเตะของอัคคี ยิ่งทำให้เห็นว่ามันสามารถตัดสินใจได้เด็ดขาดและได้ผลลัพท์ที่ดีสุดจริงๆ ลูกเตะนั่นแค่ดูก็รู้แล้วว่าแรงมากนะ ดีไม่ดีเซ็นโซยังไม่กล้ารับเลยมั้ง "
โกพูดพลางหันไปมองเซ็นโซ ซึ่งชายหนุ่มผมดำก็พยักหน้ารับด้วยไม่ได้พูดอะไรเป็นเชิงเห็นด้วยเล็กๆ
"อะไรเนี่ย แกสองคนมีอะไรกุ๊กกิ๊กๆกันรึเปล่า รู้ใจกันจัง"
และเป็นอีกครั้งที่อาริโดนยันหน้าด้วยลูกเตะกลับหลังแต่ไม่ใช่ของเซ็นโซ แต่เป็นหนุ่มหน้าสวยที่รำคาญจนทนไม่ไหว หวดเข้าให้จนเลือดกำเดาไหล และเป็นประกันว่ามันจะหุบปากไปอีกสักพัก
"ปีนี้คงสนุกกว่าปีก่อนๆแน่..."
เซ็นโซรำพึงกับตัวเองและพรรคพวก ก่อนที่ทั้งสี่จะเดินทอดน่องดูวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงามไปด้วยกัน และไม่รู้ตัวเลยว่ามีมอเตอร์ไซต์สีดำคันหนึ่งวิ่งสวนกับพวกตนอย่างรวดเร็ว
เขาทั้งสี่ถึงจะทะเลาะหรือแกล้งกันมากแค่ไหน แต่ทั้งสี่ก็คือเพื่อนและมิตรภาพที่จะคงอยู่ตลอดไป...
......................................................................................................................................
ในเวลาไล่เลี่ยกันที่ซูซูรัน
"สงครามปีหนึ่งโว้ยยยยยยยยยยยย!!!!!"
ชายผมทองในชุดซูกาจั่นสีแดงหรือโซเรียว ซึ่งเพิ่งลงจากมอเตอร์ไซด์พร้อมกับชายผมทองหน้าตาในชุดหนังหรือฮิงูจิ หลังจากแวะเข้าห้องน้ำเป็นชม.เพราะตัวเขาเองหรือโซเรียวดันท้องเสียขึ้นมา ตะโกนขึ้นเมื่อถึงโรงเรียนแห่งนี้ แต่ก็ต้องงงไปทันตาเห็น เมื่อเขาเห็นนักเรียนจำนวนไม่น้อยในสภาพที่ทั้งสะบักสะบอมและไม่สะบักสะบอมทยอยเดินออกจากโรงเรียน
"อ้าว...ไปไหนกันอ่ะ"
โซเรียวเอ่ยขึ้นอย่างไร้เดียงสา แต่ก็ได้แต่มองคนออกจากโรงเรียนคนแล้วคนเล่า
ฮิงูจิได้แต่พิงมอไซต์ยืนกุมขมับด้วยความอ่อนใจกับโซเรียว
เขาไม่พูดอะไร พลางยื่นหน้านาฬิกาที่โชว์เวลาห้าโมงให้โซเรียวดู
"นี่มันเลิกเรียนแล้วหนิหวา!!"
"ก็เออสิไอ้เบื๊อก! ก็แกช้าเองหนิหวา"
ชายผมทองหน้าตาดีด่าอย่างอ่อนใจ
"อ้าวแล้วสงครามปีหนึ่งหล่ะ..."
"เห็นเมื่อกี้เพื่อนชายส่งเมลมาบอกว่าได้ผู้ชนะแล้ว ชื่อคาวาชิม่าหรืออะไรสักอย่างนี่แหละ"
โซเรียวเกาหัวแกรกๆ
"คนอะไรชื่อควายชิ้ม้าวะ"
"คาวาชิม่าเว้ย!!"
ฮิงูจิอดตบมุขไม่ได้ พลางถอนหายใจ
"อ้าว แล้วอย่างนี้ผมจะไปไหนดีหล่ะ กลับหอเลยทั้งๆที่ยังไม่ได้สู้อ่ะนะ"
โซเรียวน้ำตาเล็ก ดิ้นเป็นเด็ก เซ็งสุดขีด เพราะได้ฟังเรื่องของสงครามปีหนึ่งจากรุ่นพี่อย่างฮิงูจิมาระหว่างทาง และแน่นอนคนเลือดร้อนอย่างเขาย่อมไม่อยากพลาดอยู่แล้ว
"เออ...แล้วที่จะกลับหอกลับหอเนี่ยรู้ทางหรอ...เอาเป็นว่าชั้นจะพาไปส่งละกัน ขึ้นมา...อย่า งอ แง"
ฮิงูจิพูดด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือกสั่งโซเรียว ทำให้พี่แกอดสั่นไม่ได้ ยอมขึ้นมานั่งแต่โดยดี
"ว่าแต่ไปส่งผมแบบนี้ไม่เป็นไรหรอครับ"
"เออ...เพราะชั้นก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน"
................................................................................................................
โซเรียวและฮิงูจิมาถึงอพาทเม้นสำหรับนักเรียนอย่างหอพักโยมิโฮชิ ของสองพี่น้องโยมิโฮชิที่ว่ากันว่าเป็นปีศาจในคราบคนดีๆนี่เองในเวลาค่ำ
"เอาหล่ะ ถึงแล้ว"
ฮิงูจิดับเครื่องก่อนจะถอดหมวกกันน็อคออก ก่อนจะหวักมือให้โซเรียวซึ่งกำลังตื่นตาตื่นใจกับอพาทเม้นหลังนี้ลงมาพร้อมกับสัมภาระที่แบกมาตั้งแต่เช้า
"กลับมาแล้วคร้าบ"
ฮิงูจิพูดพลางเคาะประตูอย่างเคยชินก่อนจะเปิดเข้าไป
แต่ในตอนนั้นเองเขาก็ได้เหลือบไปเห็นชายหนุ่มผมแดงสดุดตาอีกคนซึ่งถือถุงอาหารถุงใหญ่เเดินตรงมาจากข้างนอกมาที่ประตู
ชายผมแดงเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เขาเหลือบไปเห็นสัญลักษณ์หัวกระโหลกกลางเสื้อแจ็กเก็ทของฮิงูจิ
"บุโซเซ็นเซ็น.."
"อ้าว ไงไอ้น้องหัวแดง มาอยู่ใหม่เหมือนกันหรอ"
โซเรียวหันไปทักราวกับสนิทกันมาก รุ้จักกันมานานก็ไม่ปาน
"อืม..."
ชายผมแดงตอบสั้นๆ แต่สายตายังจ้องไปที่ตราหัวกระโหลก จนฮิงูจิรู้สึกได้ ดึงโซเรียวให้ถอยมาเบาๆ ก่อนจะพินิจพิเคราะห์ชายผมแดงซึ่งมีผ้าพันแผลพันตามใบหน้า ใส่เสื้อกล้ามตัวเดียวในอย่างไม่สนใจอากาศกลางคืนกับการเกงวอร์มขายาวสีดำ
ผมสีแดง......
ฮิงูจินึกอะไรขึ้นมาได้กับข้อความที่เพื่อนได้ส่งมาให้เมื่อตอนบ่ายระหว่างรอโซเรียวเข้าห้องน้ำ
เจ้าหมอนั้นมันมีผมสีแดง....และอพาทเม้นแห่งนี้...รู้ๆกันว่ารับแต่นักเรียนซูซูรัน
หรือว่าจะเป็น.....
"มาอยู่ใหม่หรอ...ชั้นปีสองซูซูรัน สึนาฮาระ ฮิงูจิ...นายเองก็ซูซูรันซินะ....ชื่ออะไรหน่ะ"
ชายผมแดงไม่ตอบ ประสานสายตากับฮิงูจิ ก่อนจะเอ่ยปากขึ้น
"คุโซซาวะ....คุโรซาวะ คาวาชิม่า..."
.......................................................
เชลซีสู้ๆ