----------------------------------------------------
ชั้นลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ ปวดศีรษะตุบๆเป็นจังหวะกลอง และรู้สึกว่าตัวเองนอนบนอยู่บนเตียงนุ่มๆ ความรู้สึกเหมือนคนเพิ่งตื่นนอน
เกิดอะไรขึ้น??
จำได้รางๆว่าลืมของที่โรงเรียน... วิ่งตากฝนไปเอาของ... โนบรา... เจอผี... เจอผู้หญิงมีมือเป็นมีด...
ฝันหรอ??
น่ากลัวชะมัด เฮ้อ ชั้นคงดูการ์ตูนมากไป ให้ตายเถอะ รีบอาบน้ำแต่งตัวไปโรงเรียนดีกว่า
เฮ้ยยยย!!!
ชั้นอุทานในใจ เมื่อนี่ไม่ใช่ห้องนอนของชั้น!!!
ห้องนอนใคร?? ไม่สิ มันไม่ใช่ห้องนอนด้วยซ้ำ รอบๆห้องมีตู้กระจกใสเต็มไปหมด ในตู้เต็มไปด้วยขวดแก้วที่น่าจะเป็นพวกยาปฏิชีวนะวางเรียงราย ทั้งพื้น เพดาน กำแพง รวมทั้งเตียงเป็นสีขาวบริสุทธิ์ ยังมีเตียงลักษณะเดียวกันนี้อีกหลายเตียง
คือถ้าไม่ใช่คนบ้าหรือโง่ก็น่าจะรู้ว่านี่ต้องเป็นโรงพยาบาลหรือไม่ก็ห้องพยาบาล แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือทำไมชั้นถึงมานอนที่นี่??
ชั้นลองสำรวจตัวเอง พบว่าชั้นยังคงอยู่ในชุดนักเรียน
และที่สำคัญมันยังคงโนบรา... หรือว่าจะไม่ใช่ฝัน!!
ระหว่างที่ชั้นทั้งมึน อึน และงง ประตูห้องก็ถูกเปิดออก
ชายร่างสูงโปร่งพร้อมเสื้อกาวน์สีขาวเดินเข้ามา
คุณพระช่วย เขาหล่อมาก!!!
ความหล่อของเขาทำเอาชั้นเลิกนึกถึงเหตุผลที่มาอยู่ที่นี่ไปเลย เขาเดินมาหาชั้นพร้อมขยับแว่นตา
เขายิ้มให้ชั้นด้วย!! ถ้ารอยยิ้มของเขาคือคลื่นไมโครเวฟ หัวใจของชั้นคงเป็นช็อคโกแลตที่ละลายแทบทันทีเมื่อเจอกับรอยยิ้มนั้น!!
“ตื่นแล้วหรอครับ” นอกจากหน้าจะหล่อ เสียงก็หล่อด้วย ชั้นไม่ตอบอะไร จนเขาเข้ามานั่งเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆเตียง
“ที่นี่คือ... ชั้นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ชั้นข่มความรู้สึกบ้าผู้ชายเอาไว้เมื่อกลับมานึกถึงเรื่องที่ชั้นสงสัย ชั้นอยู่ที่นี่ได้ยังไง และที่นี่คือที่ไหน แต่ที่ชั้นมั่นใจที่สุดคือ ดูจากชุดของเขาแล้ว เขาน่าจะเป็นหมอ
“ห้องพยาบาลครับ” เขาตอบ โอเค เขาคงเป็นหมอจริงๆ
“มิสะพาคุณมาหลังจากที่คุณถูกวิญญาณทำร้ายจนหมดสติ”
“อ...อะไรนะคะ” ชั้นถามไม่ใช่เพราะไม่ได้ยินคำตอบ แต่เพราะคำว่า “วิญญาณ” มันทำให้ชั้นคิดว่าชั้นหูฝาด
วิญญาณหรอ ไม่ใช่หรอกมั้ง อาจจะหมายถึง หนังยาง จะบ้าหรอ แค่หนังยางมันทำให้ต้องมานอนห้องพยาบาลเลยหรือไง เอ๊ะหรือจะเป็น น้ำตาล อ๋อ สงสัยชั้นคงเป็นเบาหวาน
แล้วมิสะที่คุณหมอพูดถึงคือใคร? หรือคืออะไร? แต่ถ้าคุณหมอบอกว่ามิสะพาชั้นมาที่นี่ แสดงว่ามิสะน่าจะเป็นคนสินะ
เอิ่ม พอเถอะ... รอคำตอบจากคุณหมอสุดหล่อดีกว่า
ยังไม่ทันที่คุณหมอสุดหล่อจะตอบชั้น ประตูก็ถูกเปิดอีกครั้ง พร้อมกับหญิงสาวที่เดินเข้ามา
เป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมยาวสลวยสีชมพูในชุดสเว็ตเตอร์สีดำสนิทยาวไปถึงต้นขา รองเท้าบู๊ทยาวสีดำ เธอไม่ได้สวมกางเกงหรือกระโปรงเผยให้เห็นต้นขาอันขาวเนียน
หน้าตาเหมือนหญิงสาวที่มีมือเป็นใบมีดในความฝันไม่มีผิด เพียงแต่ตอนนี้รู้สึกเธอจะมีมือเหมือนคนปกติทั่วไป
“เธอเป็นไงบ้าง” หญิงสาวถามห้วนๆ มองไปที่คุณหมอสุดหล่อ
“เธอฟื้นแล้ว” คุณหมอหันไปทางเธอแล้วตอบ แล้วหันกลับมาหาชั้นอีกที
“นี่มิสะ คนที่พาคุณมาที่นี่ครับ” คุณหมอแนะนำชื่อหญิงสาว
“ส่วนผมชื่อมาคาเบะ จุน เป็นนายแพทย์ประจำที่นี่” จากนั้นคุณหมอก็แนะนำชื่อของตัวเองบ้าง ชั้นก็คงต้องแนะนำตัวเองบ้างสินะ
“เอ่อ ชั้นชื่อ...”
“ไม่ต้องแนะนำตัวหรอกครับ” คุณหมอจุนขัดขึ้นมา หลังจากที่ชั้นพยายามจะแนะนำตัวเอง
“คุณมิซุเนะ โนโดกะ ตอนนี้คุณกำลังอยู่ที่องค์กรโกสท์ฮันเตอร์”
หลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น บอกตรงๆว่าตอนนี้ชั้นสับสนมากจนถึงมากที่สุด จนไม่อาจจะบรรยายความรู้สึกใดๆออกมาได้ แต่หลักๆคือ ชั้นสงสัยทำไมคุณหมอถึงรู้ชื่อชั้น? และอะไรคือองค์กรโกสท์ฮันเตอร์?
และยังมีคำถามอีกมากมายที่อยู่ในหัว แถมมันยังผสมปนเปเหมือนอยู่ในเครื่องปั่นน้ำผลไม้ เรียกได้ว่าถ้าชั้นหยิบคำถามอะไรซักอย่างในหัวออกมาถามล่ะก็มันคงฟังไม่รู้เรื่องแน่ๆ
“ผมรู้ว่าคุณกำลังสับสน เพราะตอนนี้คุณยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย” คุณหมอเหมือนดูชั้นออก
“แต่ตอนนี้ ขอให้คุณทำตามที่มิสะบอก แล้วคุณจะค่อยๆรู้อะไรๆมากขึ้นเองครับ” คุณหมอยิ้มให้ชั้นอีกครั้ง และชั้นยังไม่วายแสดงอาการบ้าผู้ชายด้วยการเคลิ้มกับรอยยิ้มนั่น
แม้จะสับสนจนหัวแทบระเบิด แต่ความบ้าผู้ชายมันทำให้ชั้นผ่อนคลายจังแฮะ...
หลังจากนั้นคุณหมอก็เดินจากไป เหลือแค่ชั้นกับหญิงสาวเสื้อสเว็ตเตอร์ที่มีชื่อว่ามิสะอยู่ในห้องสองต่อสอง ห้องเงียบอยู่ซักพัก ความเงียบนั้นทำให้ชั้นพอจะมีสมาธิและสรุปได้ว่า
หรือที่ชั้นเจอ มันไม่ใช่ความฝัน...
“ตามมา” มิสะพูดขึ้นแล้วเดินจากไปแบบไม่สนใจชั้นสักนิด นี่ถ้ามีคนอื่นๆในห้องอีกชั้นคงจะคิดว่าเธอไม่ได้เรียกชั้น
ชั้นค่อยๆลุกจากเตียงอย่างช้าๆ รู้สึกวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย แต่สักพักก็ดีขึ้น มิสะที่เดินไปก่อนยังคงยืนอยู่หน้าประตูห้อง แล้วเหลียวหลังมามอง
“เร็วสิ” เธอเร่ง ชั้นเลยรีบเดินไปหาเธอ พร้อมบ่นในใจว่าจะรีบไปไหนกันนะ
มิสะเปิดประตูห้องแล้วเดินออกไป จริงๆไม่น่าจะเรียกว่าเปิดเพราะมันเป็นประตูอัตโนมัติ ชั้นเดินตาม ทำให้เห็นสิ่งที่อยู่หลังประตู
ภาพที่เห็นทำให้ชั้นแทบจะร้องโอ้โฮเมื่อเห็นในครั้งแรก
มันเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ทรงกลม ผนังโดยรอบเป็นสีเทา มีประตูอยู่หลายบานซึ่งมีป้ายติดอยู่เหนือประตูทุกบาน คาดว่าคงเป็นป้ายระบุว่าหากเปิดประตูบานนั้นออกไปแล้วจะเป็นห้องอะไร ชั้นไม่ได้อ่านป้ายนั้นทั้งหมดแต่เห็นประตูบานหนึ่งที่มีป้ายที่เขียนว่า “ทางออก” อย่างชัดเจน ชั้นเงยหน้าขึ้น พบว่าเพดานมีลักษณะเป็นโดมกระจกมองเห็นท้องฟ้าสดใสภายนอก รอบห้องเต็มไปด้วยผู้คนทั้งชายและหญิงเดินผ่านไปมา ที่แปลกตาคือแต่ละคนต่างสวมชุดแบบเดียวกันหมด มันเป็นชุดรัดรูปสีดำสนิทที่ปกปิดร่างกายตั้งแต่ต้นคอลงมา ที่แตกต่างคือตัวอักษรสีขาวข้างหลังชุดของแต่ละคนมีความแตกต่างกัน บางคนก็เป็นคำว่า “อัลฟ่า” บางคนก็เป็นคำว่า “บราโว่” บางคนก็เป็นคำว่า “ชาร์ลี” บางคนก็เป็นคำว่า “เดลต้า” เท่าที่ชั้นมองเห็นก็ไม่มีข้อความแบบอื่นอีก เหมือนกับพวกชุดของหน่วยรบอะไรเท่ๆ ที่อยู่ในการ์ตูนอะไรประมาณนั้น
“ยืนทำอะไรอยู่น่ะ” มิสะเรียกเมื่อเห็นชั้นกำลังชมความแปลกของห้องนี้จนเพลิน เธอเดินล่วงหน้าไปค่อนข้างไกล ชั้นเดินตามไป เธอเดินผ่านประตูอัตโนมัติที่มีป้ายเขียนว่า “ทางเดิน A” ซึ่งภายในเป็นทางเดินทอดยาวออกไปอีก
ระหว่างที่ชั้นเดินตามก้นมิสะต้อยๆไปตามทางเดิน ชั้นนึกถึงคำพูดของคุณหมอจุน เขาบอกว่าถ้าทำตามที่มิสะบอกจะรู้เรื่องทุกอย่างเอง แสดงว่าคุณคนนี้ต้องรู้อะไรทุกอย่างสินะ แล้วชั้นจะชิงถามเธอตอนนี้เลยได้ไหมเนี่ย?
“เอ่อ...” กลายเป็นชั้นพลั้งปากออกไปทั้งๆที่ยังลังเลว่าจะถามหรือไม่ถาม ทำให้มิสะหันหน้ามาจ้องเขม็ง มาถึงขั้นนี้แล้วยังไงๆก็ต้องถามแล้วละ
“อะไร” เสียงของเธอดุมาก บวกกับสีหน้านิ่งๆของเธอทำให้รู้สึกเหมือนกำลังจะสารภาพบาปต่อใครซักคน จนชั้นไม่กล้าที่จะพูดอะไร แต่ก็เอาวะ...
เอ่อแล้ว....
ชั้นจะถามอะไรดีล่ะ???
อย่างที่บอกว่าคำถามมันตีกันในหัวจนวุ่นวายไปหมด จนไม่รู้จะถามอะไรก่อน บางทีถามไปกลายเป็นเอาคำถามนู้นมารวมกับคำถามนี้อีก
เมื่อเห็นหน้าของมิสะที่บ่งบอกประมาณว่าเรียกแล้วทำไมไม่พูด ชั้นเลยตัดสินใจถามออกไป
“คุณคือใคร” ยัยโง่เอ๊ย!! ก็รู้แล้วว่าเธอชื่อมิสะ แล้วจะไปถามทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!! เอ... แต่คำถามมันก็กว้างอยู่นะ บางทีเธออาจจะตอบประมาณว่า ชั้นชื่อมิสะ เป็นตัวแทนจากดวงจันทร์ อะไรแบบนั้นก็ได้มั้ง
แต่เธอกลับไม่ตอบ แล้วเดินต่อ ทำเอาชั้นอารมณ์เสียขึ้นมาแทบจะทันทีเมื่อเห็นเธอไม่สนใจคำถามของชั้นเลยซักนิด
“เดี๋ยวสิ!!” ชั้นร้อง พร้อมเดินตามเธอจนถึงหน้าประตูบานหนึ่ง ป้ายอยู่ด้านบนเขียนแค่ตัวอักษรภาษาอังกฤษว่า “เอ็กซ์” เพียงตัวเดียว มีช่องที่ดูเหมือนลำโพงพร้อมปุ่มกดติดอยู่ที่ข้างขวาของประตูบานนั้น มิสะเอื้อมมือไปกดปุ่มดังกล่าวแล้วยื่นหน้าไปที่ช่องที่ดูเหมือนลำโพง
“มิสะค่ะ” เมื่อเธอพูดจบ เพียงครู่เดียวประตูก็ถูกเปิดออกโดยอัตโนมัติ
“ตามเข้ามา” มิสะพูดพร้อมเดินเข้าไปในห้องนั้น
หลังจากที่ชั้นเดินตามมิสะเข้ามา ประตูก็ถูกปิดลงโดยอัตโนมัติ ภายในเป็นห้องที่ถูกปูพรมสีแดงเข้ม ผนังเป็นสีขาว เพดานมีโคมไฟติดอยู่ดูโมเดิร์นสุดๆ มีเฟอร์นิเจอร์มากมายประดับอยู่ ซึ่งดูผ่านๆแล้วน่าจะราคาสูงน่าดู มันเป็นห้องที่ดูหรูหรามากๆ ราวกับห้องในแมนชั่น คฤหาสน์ หรืออะไรเทือกนั้น
ตรงข้ามชั้นและมิสะเป็นโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ หลังโต๊ะเป็นหน้าต่างบานใหญ่มากซึ่งทำให้เห็นทิวทัศน์อันสวยงามชัดเจน เก้าอี้ตัวใหญ่ถูกหันไปข้างหลังทำให้ไม่เห็นบุคคลที่นั่งอยู่
“ยอดเยี่ยมมาก!!” เสียงมาพร้อมกับเก้าอี้ที่ถูกหมุนมาเผชิญหน้าชั้นกับมิสะ เป็นชายวัยประมาณสามสิบหรือสี่สิบ ผมสีดำของเขาถูกเสยไปข้างหลัง เขาสวมแว่นตากันแดดสีดำสนิททั้งๆที่ไม่มีแดด สวมเสื้อสูทสีดำพร้อมเนกไทสีแดง
“ทำได้ดีมาก” เขาพูดอีกครั้ง ดูเหมือนจะเป็นคำชมให้กับมิสะ เพราะชั้นเห็นเธอก้มหัวให้กับเขา
“ขอบคุณเป็นอย่างสูงค่ะท่าน” เสียงของมิสะดูนุ่มนวลกว่าที่พูดกับชั้นหลายพันเท่า และดูจากสรรพนามที่มิสะใช้แล้ว คนๆนี้ต้องเป็นคนที่เป็นระดับหัวหน้า หรือผู้บังคับบัญชาของมิสะแน่ๆ
“มิซุเนะ โนโดกะ คนอย่างเธอนี่แหละที่องค์กรของเราต้องการ” หลังจากนั้นเขาก็เรียกชื่อชั้น ตอกย้ำความสงสัยที่ทำไมใครๆก็รู้ชื่อชั้นกันทั้งนั้นเลย และชั้นก็เป็นที่ต้องการขององค์กรด้วย? องค์กรอะไรล่ะ? เด็กมัธยมปลายอย่างชั้นเนี่ยนะ?
แล้วเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทำให้ชั้นเห็นเขาเต็มๆตัวเป็นครั้งแรก
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด!!!!” ชั้นกรีดร้องออกมา บางคนอาจจะสงสัยว่าชั้นเป็นบ้าอะไรอยู่ดีๆก็ร้อง พนันเลยว่าถ้าใครมาเห็นอย่างที่ชั้นเห็นตอนนี้ล่ะก็ต้องกรี๊ดแตกเหมือนกับชั้นนี่แหละ!!
เมื่อท่อนบนของเขาเป็นเสื้อสูทดูภูมิฐาน...
แต่ท่อนล่างของเขามีแต่กางเกงบ็อกเซอร์!!
ไม่ใช่แค่นั้นเขายังใส่รองเท้าแตะอีกต่างหาก!!!
กำลังจะชมเลยว่าเขาเป็นคนที่ดูสง่างามมาก...
“สำรวมหน่อยสิ!!” มิสะดุ ในใจชั้นก็พลางคิดว่าเธอทนเห็นสภาพอันทุเรศทุรังของเขาคนนี้ได้ยังไง!!
“ไม่เป็นไรหรอกไม่เป็นไร” เขายกมือขึ้นปราม
“ตอนมิสะคุงเห็นผมครั้งแรก เธอก็กรี๊ดแตกแบบนี้เหมือนกันไม่ใช่หรอ” เจอแบบนี้ เป็นใครก็ต้องกรี๊ดแตกอยู่แล้วล่ะค่ะท่าน...
“ไม่ต้องพูดถึงมันก็ได้มั้งคะ” ชั้นเห็นมิสะยืนหน้าแดงเป็นลูกตำลึง นี่น่าจะเป็นครั้งแรกที่เห็นสีหน้าแบบนั้นจากคนที่ดูดุๆอย่างเธอ
“ไม่ต้องกลัวหรอกคุณโนโดกะ ผมไม่ได้เป็นพวกโรคจิตหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ เวลาผมอยู่ในห้องผมชอบใส่ชุดสบายๆ ไม่ได้ตั้งใจจะโชว์อะไรหรอก” เอ่อ... สบายไปมั้งคะ...
“ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเลยละกัน เรียกผมว่า เอ็กซ์ เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของที่นี่ แต่อย่าเรียกชื่อผมสามครั้งติดกันนะ มันจะไม่สุภาพ” จากการแต่งตัว และสไตล์การแนะนำตัวของเขา ทำเอาชั้นแอบสงสารที่นี่ชอบกลที่มีเจ้านายแบบนี้อ่ะนะ...
“ยินดีต้อนรับสู่โกสท์ฮันเตอร์” เขาพูดพร้อมผายมือ พร้อมกับคำถามเดิมที่ย้อนกลับมาในหัวว่า
อะไรคือโกสท์ฮันเตอร์??
“หมายความว่ายังไงคะ” มันทำให้ชั้นอดถามออกไปไม่ได้
“เดี๋ยวคุณก็จะเข้าใจเอง” เอ็กซ์พูดพร้อมยิ้มให้กับชั้น โดยที่ไม่มีคำพูดใดที่คลายความสงสัยให้ชั้นได้เลย
“ฝากด้วยนะมิสะคุง แล้วก็... พยายามเข้านะโนโดกะคุง” เขาเรียกชื่อชั้นอย่างสนิทสนม พร้อมอีกคำถามที่เพิ่มขึ้นมาว่า
ฝากอะไร?
หลังจากนั้นชั้นก็เดินออกจากห้องอย่างงุนงง มิสะก็พาชั้นมาที่ห้องที่มีป้ายบอกว่า “ห้องเก็บอาวุธและอุปกรณ์”
“โอ้ววว!!” ชั้นเผลออุทานออกมาเมื่อตามมิสะเข้าไปในห้องนั้น
ภายในเป็นห้องทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ รอบห้องเต็มไปด้วยอาวุธหลากหลายชนิด ทั้งกระบอกเล็ก กระบอกใหญ่ รวมทั้งกล่องเหล็กที่ติดป้ายว่า “ระเบิด” ชั้นก็ไม่รู้หรอกว่าแต่ละอย่างมันมีชื่อเรียกว่าอะไร แต่เห็นแล้วรู้สึกตื่นเต้นนิดๆเหมือนกันแฮะ
สักพักมิสะก็เดินมาหาชั้นพร้อมกล่องเล็กๆกล่องหนึ่ง มีลักษณะเป็นกล่องแฝดทรงกลม ชั้นเหมือนเคยเห็นกล่องลักษณะแบบนี้ที่ไหนมาก่อน เมื่อชั้นคิดซักพักก็นึกขึ้นได้ว่ามันเหมือนกับกล่องใส่คอนแทคเลนส์นั่นเอง
“ใส่ซะ นี่น่าจะทำให้เธอเข้าใจอะไรบางอย่างที่เธอสงสัย” ชั้นรับกล่องนั่นมาแล้วเปิดออก ภายในเป็นคอนแทคเลนส์วางแน่นิ่งอยู่ในนั้น
“คอนแทคเลนส์? ชั้นไม่ได้สายตาสั้นนะ” หรือมันจะเป็นคอนแทคเลนส์แบบแฟชั่น? แต่ชั้นก็ไม่ได้อยากใส่อยู่ดี อีกอย่างชั้นก็ไม่เข้าใจด้วยว่ามิสะจะให้ชั้นใส่เพื่ออะไร?
“มันคือโกสท์อายส์” มิสะพูด
เอ่อ... อะไรอายส์ๆนะ?? ดูยังไงมันก็คอนแทคเลนส์นี่หว่า
“แต่ชั้นดูยังไงมันก็คือคอนแทคเลนส์” ชั้นพยายามเถียง โดยที่ลืมไปว่ามิสะน่าจะรู้อะไรมากกว่าชั้น
“มันคือโกสท์อายส์ อย่าพูดมาก ใส่”
“แต่ดูยังไงมันก็คือคอนแทค...”
“จะใส่หรือไม่ใส่” เสียงของมิสะดุขึ้นจนชั้นสะดุ้งเฮือก
เออใส่ก็ได้!! มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรนี่นะ
ชั้นใส่คอนแทคเลนส์ (ที่เธอเรียกมันว่าโกสท์อายส์ บ้าบอคอแตก) พบว่าการมองเห็นของชั้นก็ยังปกติดี ไม่ได้ดีขึ้น หรือแย่ลง สรุปไม่ใช่คอนแทคเลนส์สายตา
“เปิดระบบโกสท์อายส์”
ทันใดนั้นชั้นก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้น เป็นเสียงที่ฟังดูก้องกังวานเหมือนกับว่ามีลำโพงรอบตัวชั้น พร้อมตัวหนังสือสีเขียวมากมายปรากฏขึ้นตรงหน้า ก่อนที่ตัวหนังสือทั้งหมดจะหายวับไปในเวลาไม่กี่วินาที
โอเค ชั้นเชื่อแล้วว่ามันไม่ใช่คอนแทคเลนส์
แล้วมันก็จบแค่นั้น
ไม่มีอะไรอีกเลย
อะไรของมันวะ!!
หรือว่าเมื่อกี้ชั้นตาฝาด??
สรุปคือใส่แล้วมันไม่ได้ช่วยคลายความสงสัยแถมยังเพิ่มความสงสัยอีกต่างหาก!! ชั้นเลยหันไปทางมิสะเพื่อที่จะโวยวายซักหน่อย
ทันใดนั้นชั้นก็เห็นอะไรบางอย่าง
ตัวหนังสือสีเขียวมันกลับขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้มันขึ้นอยู่ใกล้ๆกับตัวของมิสะ และเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ
ตัวหนังสือที่ปรากฏนั้นเป็นชื่อ และข้อมูลส่วนบุคคลของเธอ!!
เท่าทีเห็น มีอายุ... ส่วนสูง... น้ำหนัก... วันเกิด... สัญชาติ... กรุ๊ปเลือด...
แต่บางหัวข้อก็ระบุว่า “ไม่มีข้อมูล”
ทำให้ชั้นเริ่มเข้าใจอะไรบ้างแล้ว...
“ที่ทุกคนรู้ชื่อชั้น เพราะใส่เจ้านี่”
“อืม” มิสะตอบแบบไร้อารมณ์โดยสิ้นเชิง ในใจชั้นหวังว่าเธอจะพูดประมาณ เก่งมากเลย ฉลาดจังเลย อะไรทำนองนั้น
ผู้หญิงอะไรเย็นชาชะมัด...
ชั้นมองที่มิสะอีกครั้ง พบว่ามันยังมีวงกลมสีเขียวที่หน้าอก เอว และสะโพกของเธอ แล้วชี้ออกมาเป็นตัวเลขสามสิบแปด ยี่สิบเจ็ด และสามสิบหก ตามลำดับ
มีบอกสัดส่วนด้วย!!
ชั้นว่าคนที่ผลิตไอ้นี่ขึ้นมาต้องโรคจิตแน่ๆ...
แต่ยังไงก็อดทึ่งไม่ได้ว่ามันไฮเทคชะมัด ทีนี้เวลาจะจีบผู้ชายก็ไม่ต้องมาถามชื่อกันล่ะ...
รู้สึกว่าชั้นก็โรคจิตพอตัวอยู่นะ คิดแต่เรื่องผู้ชายทั้งวัน...
“แล้วชั้นต้องเห็นแบบนี้ไปตลอดเลยหรอ” มันคงจะรำคาญชอบกลถ้าวันๆเห็นแต่ตัวอักษรยั้วเยี้ยไปมาตลอดทั้งวัน
“ถ้าไม่อยากเห็นเธอก็ถอดออก” เธอพูด
“เธอใช้ปืนเป็นไหม” แล้วเธอก็ถามชั้นแทบจะทันทีหลังคำตอบนั้นทำให้ไม่มีโอกาสให้ชั้นได้โต้แย้งอะไร
“หา... อ่า... ไม่เป็น” ชั้นตอบแบบอ้ำๆอึ้งๆ ปืนหรอ? นักเรียนมัธยมปลายอย่างชั้นจะใช้มันไปเพื่ออะไรล่ะ? ใช้ไม่เป็นอยู่แล้ว
“งั้นก็เตรียมเป็นซะ”
“เอ๋?” ชั้นอุทาน ทำหน้าเหวอ
“พรุ่งนี้เธอต้องเริ่มฝึกใช้ปืน”
“ทำไม่ชั้นต้องใช้ด้วยล่ะ” นั้นสิ ทำไมชั้นต้องใช้ของอันตรายพรรค์นั้น
“นี่เธอยังไม่เข้าใจอีกหรอ” คงจะเข้าใจอยู่หรอกนะ ก็หล่อนเล่นไม่บอกอะไรให้ชั้นฟังซักอย่าง!!
“ตอนนี้เธอเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรโกสท์ฮันเตอร์แล้ว”
แล้วไอ้โกสท์ฮันเตอร์มันคืออะไรล่ะเว้ย!!
มีฝึกใช้ปืน แบบนี้มันต้องเป็นองค์กรที่บู๊ระห่ำแน่ๆ หรือจะเป็นองค์กรปกป้องโลก?? หรือจะเป็นองค์กรก่อการร้ายข้ามชาติ??
“ในฐานะเจ้าหน้าที่ฝึกหัด” เธอพูดต่อในขณะที่ชั้นกำลังคิดฟุ้งซ่านไปไกล
“แล้วมันคืออะไรกันล่ะ โกสท์ฮันเตอร์อะไรนั่น” หลังจากที่คาใจอยู่นาน ชั้นก็ถามออกไปจนได้
“ชื่อขององค์กรก็มีความหมายในตัวมันอยู่แล้ว” เธอไม่ตอบแบบตรงๆ ตอบอารมณ์ประมาณว่าหล่อนก็คิดเองซะบ้างสิ อะไรแบบนั้น
โกสท์ฮันเตอร์ องค์กรล่าผีน่ะหรอ?
“ตามนั้นล่ะนะ” เหมือนเธอรู้ว่าชั้นคิดได้แล้ว
ล่าผีเนี่ยนะ?
“แล้วทำไมต้องเป็นชั้น” ชั้นถามต่อ
“เพราะเธอมองเห็นมัน” มิสะตอบ
“เธอมีสัมผัสที่หก พลังที่หนึ่งในล้านคนเท่านั้นที่จะมี”
สัมผัสที่หก...
หรือมันคือเรื่องที่เล่าขานกันมาว่าเป็นพลังที่ทำให้มองเห็นผี วิญญาณ อะไรแบบนั้นน่ะหรอ
แล้วนี่ชั้นมีพลังบ้านั่นตั้งแต่เมื่อไหร่??
ชั้นเริ่มย้อนคิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโรงเรียนอีกครั้ง
ลืมของที่โรงเรียน... วิ่งตากฝนไปเอาของ... โนบรา... เจอผี...
เอ่อ... ทำไมชั้นนึกถึงโนบราตลอดเลยวะ...
แต่นั่นมันเป็นแค่ฝันไม่ใช่หรอ??
“เธอทำหน้าเหมือนไม่เชื่อเลยนะ นี่เธอยังคิดว่าเรื่องที่โรงเรียนเป็นความฝันอยู่อีกหรือเปล่า”
ถ้าให้พูดตรงๆ ชั้นก็เริ่มไม่เชื่อแล้วล่ะ...
“ถ้าใช่เลิกคิดซะ”
โอเค... สรุปไม่ใช่ความฝัน ผีมีจริงๆ และตอนนี้ ชั้นก็กำลังจะกลายเป็นนักล่าผี?
ฟังดูเหลือเชื่อ แต่มันคือความจริงทั้งหมด
“ต่อไปนี้เธอจะเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ที่ปกป้องโลกจากวิญญาณร้าย”
คุณพระช่วย... คำว่า “โลก” มันทำให้ชั้นรู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ขึ้นมาทันที (แม้ในใจลึกๆจะคิดว่ามันฟังดูโอเวอร์เกินเหตุก็ตามที)
“แต่ชั้นเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลาย...”
“ก็ไม่ได้ให้เธอเลิกเป็น” มิสะพูดขึ้น
“โกสท์ฮันเตอร์ปฏิบัติการเฉพาะตอนเวลากลางคืน ตอนกลางวันเธอจะทำอะไรก็ทำ”
โอเค สรุปคือชั้นเป็นนักเรียนตอนเช้า แล้วเป็นเจ้าหน้าที่ล่า เอ่อ... ผีที่นี่ตอนกลางคืน
เอ่อแล้วไหนเวลานอนล่ะ...
ยังไม่ทันที่ชั้นจะได้คิดอะไรเพิ่มเติม มิสะก็พาชั้นไปอีกห้อง
ป้ายบอกว่า “ห้องฉายรังสี”
“ถอดเสื้อผ้าออก”
มิสะพูด ชั้นพยักหน้า
เดี๋ยว!!!!
อะไรนะ!!!!
ชั้นหันมองมิสะ สีหน้าเธอเฉย เฉยมาก ทั้งๆที่ประโยคที่เธอพูดมันออกจะ...
“มัวยินนิ่งทำไม บอกให้ถอดเสื้อผ้าออก” เธอเร่ง ในใจของชั้นเริ่มร้อนรน หรือที่ว่าเป็นองค์กรล่าผีมันจะเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ หรือที่นี่จริงๆแล้วจะเป็นสถานที่แบบนั้น!! หรือว่ามิสะจะเป็นพวก... ไม่ ชั้นไม่ยอมให้ทุ่งลิลลี่ผลิบานเป็นอันขาด!!
“ชั้น...ชั้นไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นนะ!!” ชั้นตัดสินใจโวยวาย ทำให้มิสะมองชั้นแล้วขมวดคิ้ว
“นี่เธอคิดว่าเธอกำลังอยู่ซ่องคุณตัวหรือไง” เธอพูดเหมือนกับรู้ว่าชั้นกำลังคิดอะไรอกุศลสุดๆ
“ถอดเสื้อผ้า แล้วเข้าไปในแคปซูลตรงนั้น”
ทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกคะ...
สุดท้ายชั้นก็ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด แม้รู้ว่ามิสะไม่ได้จะทำอะไรชั้นก็ตาม แต่ก็อดตะขิดตะขวงใจไม่ได้อยู่ดี ถึงจะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ คงมีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่แก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นแล้วกระโดดโลดเต้น...
ชั้นค่อยๆเดินไปที่แคปซูลแก้วทรงกระบอกที่มีขนาดใหญ่และสูงกว่าตัวชั้นเล็กน้อย แล้วค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปทีละข้าง ก่อนที่ชั้นจะเข้าไปในแคปซูลทั้งตัวในสภาพเปลือยเปล่า จากนั้นชั้นก็หันหน้าไปทางมิสะ ซึ่งกำลังเดินไปข้างขวาของแคปซูลที่มีแผงควบคุมติดตั้งอยู่
เธอกดปุ่มอะไรบางอย่าง ทำให้กระจกแคปซูลถูกปิด แล้วขังชั้นไว้ข้างใน
“อยู่เฉยๆนะ” มิสะที่อยู่ข้างนอกแคปซูลพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะกดปุ่มอะไรบางอย่างอีกครั้ง
หลังจากนั้นชั้นก็ได้ยินเสียงเหมือนเครื่องยนต์กลไกอะไรบางอย่างทำงาน ก่อนที่จะเกิดลำแสงสีฟ้าวิ่งผ่านตัวชั้นไปมาอยู่หลายครั้ง ชั้นสะดุ้งนิดหน่อยที่เห็นแสงประหลาดนั้นวิ่งผ่านตัว แต่มันก็ไม่ได้ทำอันตรายอะไร ชั้นเลยอยู่เฉยๆจนแสงนั้นหายไป
จากนั้นแคปซูลก็เปิดออก ชั้นก้าวเท้าออกมาพร้อมคำถามว่าเมื่อกี้นี้คืออะไร?
“ต่อไปนี้เธอจะสามารถสัมผัสตัววิญญาณได้” คราวนี้มิสะบอกเหตุผลโดยที่ชั้นไม่ต้องถาม
“สัมผัสวิญญาณ หมายถึง เอ่อ.. เตะมันได้ ตบมันได้” มิสะไม่ตอบ... โอเค ถือว่าใช่ละกันนะ
“เอ่อ... ชั้นสงสัยที่คุณบอกว่าชั้นมองเห็นวิญญาณได้ แล้วคนอื่นๆที่นี่ก็มองเห็นวิญญาณเหมือนกับชั้นงั้นหรอ” ไม่รู้ทำไมชั้นถึงรู้สึกสนิทกับเธอคนนี้กว่าตอนแรก (สงสัยเพราะชั้นแก้ผ้าต่อหน้าเธอมาแล้ว) ชั้นเลยเริ่มกล้าจะถามอะไรเธอมากขึ้น เธอบอกชั้นว่าที่ชั้นต้องมาเป็นเจ้าหน้าที่ฝึกหัดที่นี่เพราะมองเห็นวิญญาณได้ แสดงว่าคนที่อยู่ที่นี่ก็น่าจะมีความสามารถเหมือนๆกับชั้นสินะ
“เปล่า” เธอพูดห้วนๆ อ้าว...
“เธอคิดว่าโกสท์อายส์มีความสามารถแค่อ่านชื่อคนอย่างเดียวหรอ” เธอพูดแบบให้ชั้นคิดเองอีกแล้ว นี่เธอจะตอบชั้นแบบตรงๆดีๆซักครั้งจะได้ไหม...
“โกสท์อายส์ทำอะไรได้มากกว่าที่คิดนะ”
โอเค เหมือนว่าโกสท์อายส์จะทำได้มากกว่าอ่านชื่อคน หรือว่ามันทำให้มองเห็นวิญญาณได้ด้วย?
“แล้วก็ ใส่เสื้อผ้าได้แล้ว” คำพูดนั้นทำให้ชั้นลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองกำลังแก้ผ้า...
“สัมภาระเธออยู่ที่ห้องพยาบาล เจอกันวันพรุ่งนี้” หลังจากที่ชั้นสวมเสื้อผ้าเสร็จ มิสะก็พูดขึ้น เจอกันวันพรุ่งนี้ หมายถึงชั้นไปได้แล้วสินะ
“เอ่อ...”
“มีอะไรอีก” มิสะพูดน้ำเสียงดุๆอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ชั้นไม่กลัวล่ะ
“แล้วห้องพยาบาลไปทางไหน” เมื่อชั้นถาม มิสะก็ส่ายหัวด้วยท่าทีที่เหมือนเหนื่อยใจเต็มทน
“นี่เธอจะให้ชั้นพาไปทุกที่เลยหรือไง” ก็หล่อนเล่นพาชั้นไปทุกที่เองนี่หว่า...
“เจอกันพรุ่งนี้” แล้วเธอก็เดินไปเลย!!
“ให้ตายสิ” ชั้นสบถอย่างหงุดหงิด ในหัวก็พยายามนึกเส้นทางแล้วเดินไปตามที่คิด