Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Ghost Hunter : Chapter 0 "Lost Memories"

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Ghost Hunter : Chapter 0 "Lost Memories" Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Ghost Hunter : Chapter 0 "Lost Memories"   Ghost Hunter : Chapter 0 "Lost Memories" EmptyMon Dec 22, 2014 12:22 am



----------------------------------------------------

“คนนึงไม่รอด... อีกคนนึงยังมีลมหายใจอยู่”

หญิงสาวผมยาวสลวยสีน้ำตาลพูดกับใครบางคนผ่านวิทยุสื่อสารขนาดจิ๋วที่ใบหู เบื้องหน้าของเธอเป็นหญิงสาวผมยาวสีชมพูนอนหายใจรวยรินอยู่บนพื้น ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผล และอีกร่างที่นอนอยู่ข้างๆเป็นเด็กสาวผมสั้นประบ่าสีดำ ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยบาดแผลเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่เธอคนนี้ไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว และที่สำคัญเธอถูกใครบางคนหรืออะไรบางอย่างทำให้ดวงตาข้างซ้ายของเธอทะลุจนกลวงโบ๋ดูน่าสยดสยอง

“รีบส่งเจ้าหน้าที่พยาบาลมาอย่างด่วนเลย...” หญิงสาวผมน้ำตาลพูดผ่านวิทยุสื่อสารอีกครั้ง ก่อนที่เธอจะเข้าไปประคองตัวหญิงสาวผมสีชมพูที่ยังคงมีลมหายใจอยู่ขึ้นมา

“เธอไม่เป็นไรแล้วนะ”

“พี่... ขอ... โทษ... พี่....” หญิงสาวผมสีชมพูเปล่งเสียงอันแหบพร่าออกจากลำคอที่คงจะเต็มไปด้วยคาวเลือด

“อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย... เธอปลอดภัยแล้วล่ะ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลยิ้มให้หญิงสาวผมสีชมพู พลางมองไปที่ร่างอันไร้ลมหายใจของเด็กสาวผมสีดำ เธอคาดเดาไปต่างๆนาๆว่าเด็กสาวคนนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องอะไรบางอย่างกับหญิงสาวผมสีชมพูคนนี้ และเธออาจจะเป็นผู้ปกป้องให้หญิงสาวผมสีชมพูรอดชีวิตมาได้ โดยดูจากรอยแผลฉกรรจ์ที่ดวงตาข้างซ้ายของเธอ

“พี่... พี่...” หญิงสาวผมสีชมพูยังคงเปล่งเสียงเช่นนั้นซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั่งเจ้าหน้าที่พยาบาลมาถึง ชายสวมแว่นตาพร้อมเสื้อกาวน์สีขาวเดินมาพร้อมคนอื่นๆที่สวมเครื่องแบบเดียวกัน พวกเขาพยายามยกร่างของหญิงสาวผมชมพูขึ้นไปนอนบนเตียง แต่เธอก็ยังคงเปล่งเสียงอันแหบพร่าคำเดิมๆไม่หยุด

“ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้มาจัดการศพของเธอคนนั้นด้วยล่ะ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลพูดพลางยืนไว้อาลัยให้กับร่างของเด็กสาวผมสีดำ อายุของเธอน่าจะยังน้อย เธอไม่ควรที่จะมาพบกับจุดจบแบบนี้เลย

หญิงสาวผมสีน้ำตาลมองร่างของเธอด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์เป็นครั้งสุดท้ายแม้จะไม่รู้จักเธอมาก่อนก็ตาม ก่อนที่หญิงสาวจะเดินจากไปจากบริเวณนั้นอย่างเงียบๆ

----------------------------------------------------

“งั้นหรอกหรอ?” หญิงสาวผมสีน้ำตาลนั่งสนทนาอยู่กับชายหนุ่มสวมแว่นตาถึงเรื่องราวอะไรบางอย่าง ทั้งคู่มีสีหน้าที่เคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนเรื่องที่ทั้งสองคุยกันจะไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีมากนัก

“แล้วในความคิดของจุนคุงคิดว่าควรทำยังไงดีล่ะ?” หญิงสาวผมสีน้ำตาลเอ่ยถาม

“จริงๆผมมีความคิดอยู่ความคิดนึงครับ แต่ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่ใช้มันเด็ดขาด” ชายหนุ่มสวมแว่นตาที่ถูกเรียกว่าจุนพูดขึ้น

“เธอหมายถึงวิธีนั้นสินะ” หญิงสาวกล่าว

“ครับ วิธีนั้นแหละ” จุนตอบแบบรู้กัน

“ถ้ามันจำเป็นก็อาจจะต้องใช้... แต่คงต้องลองปรึกษาเอ็กซ์ดูนะ”

“ครับ... ผมก็คิดว่าจะลองไปปรึกษาเขาดูเหมือนกัน”

“ยังไงก็อย่าคิดมากนะ จุนคุง” หญิงสาวผมสีน้ำตาลยิ้มให้จุนอย่างอ่อนโยน

“ถ้ามันจำเป็น ก็ต้องทำ”

“ขอบคุณนะครับคุณโนโซมิ” เมื่อจุนพูดจบ หญิงสาวผมสีน้ำตาลนามโนโซมิก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินออกจากห้อง จุนยิ้มให้เธอจนเธอออกไปนอกห้อง ก่อนที่สีหน้าของเขาจะกลับมาดูเคร่งเครียดอีกครั้ง

----------------------------------------------------

“อืม... ผมก็คิดว่ามันก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว วิธีนั้นก็เป็นผลดีกับตัวเธอด้วย แต่ผมเคารพการตัดสินใจของคุณนะจุนคุง สำหรับผมแล้วเรื่องนี้คุณตัดสินใจเองได้เลย”

ภายในห้องหรูที่ถูกทาด้วยสีขาว ปูพรมสีแดงเข้มและประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาแพงหลายชิ้น จุนกำลังสนทนากับชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เขาเป็นชายวัยประมาณสามสิบถึงสี่สิบ ไว้ผมสีดำสนิทถูกเสยไปด้านหลัง สวมแว่นตาดำทั้งๆที่อยู่ในร่ม เขาสวมชุดสูทพร้อมผูกเนคไทสีแดง ลักษณะการแต่งตัวและบุคลิกของเขาดูเหมือนกับบุคคลที่อยู่ในตำแหน่งสูงๆ

“ครับท่าน ขอบคุณมากครับ” เหมือนจุนจะคุยธุระกับชายที่อยู่เบื้องหน้าเสร็จแล้ว เขาก็กล่าวขอบคุณแล้วเดินออกจากห้องผ่านประตูอัตโนมัติ ใบหน้าของเขายังคงดูเคร่งเครียดเหมือนกับว่าการสนทนาเมื่อสักครู่จะไม่ได้ช่วยอะไรเขามากนัก

“ผมคงต้องทำจริงๆสินะ...” จุนพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะเดินไปยังสถานที่หนึ่ง เขาผ่านประตูอัตโนมัติเข้าไปภายใน ปรากฏภาพของห้องกว้างที่ถูกทาด้วยสีขาวและมีบุคลากรมากมายทำงานอยู่ภายใน แต่ละคนสวมเสื้อกาวน์สีขาวดูสะอาดตา เมื่อจุนเข้ามาแต่ละคนต่างหันมองเขา ราวกับพวกเขาในห้องกำลังรออยู่ จุนมองหน้าทุกคนก่อนที่จะกล่าวขึ้น

“พาเธอมา ทุกคนเตรียมตัวให้พร้อม เราจะใช้วิธีนั้น...”

“แน่ใจนะครับคุณหมอจุน?” หนึ่งในบุคลากรที่ทำงานอยู่เอ่ยถาม หมอจุนเงียบสักพัก ก่อนที่จะพยักหน้าพร้อมคำตอบเบาๆจากลำคอ

“อืม”

----------------------------------------------------

หญิงสาวผมสีชมพูลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆบนเตียงสีขาว เธอมองไปรอบกายเป็นอันดับแรก พบว่ามันเป็นห้องที่เต็มไปด้วยตู้กระจกซึ่งบรรจุขวดยาปฏิชีวนะชนิดต่างๆ ที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลหรือห้องพยาบาล หญิงสาวมองไปพบกับอีกหนึ่งบุคคลที่อยู่ในห้อง เป็นชายหนุ่มสวมแว่นสายตานั่งอยู่บนเก้าอี้ เบื้องหน้าของเขาเป็นโต๊ะทำงานที่มีเอกสารวางอยู่มากมาย เหมือนเขาจะรู้สึกได้ว่าเธอกำลังมองอยู่ เขาจึงหันไปทางเธอและเดินเข้าไปหา พร้อมยิ้มให้เธอ

“รู้สึกตัวแล้วหรอครับ?” เขาถาม

“ผมมาคาเบะ จุน เป็นนายแพทย์ประจำที่นี่”

“ที่นี่ที่ไหน?” หญิงสาวถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า

“แล้วชั้น... คือใคร??”

“ใจเย็นๆครับคุณมิสะ”

“มิสะ?? นั่นคือชื่อชั้นหรอ?” หญิงสาวถามขึ้นด้วยความงุนงง ทั้งๆที่นั่นอาจจะเป็นชื่อของเธอแท้ๆ แต่เธอกลับดูไม่คุ้นกับชื่อนั้นเลยแม้แต่น้อย

“ครับ... คือแบบว่า... ความทรงจำของคุณขาดหายไปบางส่วน เอาเป็นว่าเดี๋ยวผมจะค่อยๆฟื้นฟูความทรงจำของคุณเองครับ” จุนตอบด้วยรอยยิ้ม

“ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ แต่ตอนนี้ พักผ่อนเยอะๆก่อนดีกว่าครับ”

“อ่ะ... ค่ะ” หญิงสาวผมสีชมพูที่ถูกเรียกว่ามิสะตอบอย่างว่าง่าย จุนยังคงยิ้มให้เธออยู่ตลอดเวลา เหมือนแก้มของหญิงสาวออกจะแดงนิดๆเหมือนเห็นรอยยิ้มของเขา จนกระทั่งเขากลับไปจดจ่อกับเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานของเขาต่อ

โดยที่หญิงสาวไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าใบหน้ายิ้มแย้มของชายหนุ่มตรงหน้านั้นแฝงความรู้สึกผิดต่ออะไรบางอย่าง...

----------------------------------------------------

“ดีมาก ใจเย็นๆ แบบนั้นแหละ” หญิงสาวผมสีน้ำตาลหรือโนโซมิกำลังยืนอยู่ในห้องซึ่งเต็มไปด้วยเสียงปืนดังไปทั่ว ตรงหน้าของเธอคือหญิงสาวผมสีชมพูหรือมิสะ เธอกำลังถือปืนพกด้วยมือขวาและยิงเป้าซ้อมยิงปืนรูปคนที่อยู่ตรงหน้า กระสุนเข้าเป้าเป็นบางนัด แต่ก็ถือว่าเข้าเป้าไปค่อนข้างเยอะ ดูเหมือนตัวเธอจะผ่านการฝึกซ้อมยิงปืนมาในระดับหนึ่ง เมื่อกระสุนหมด มิสะวางปืนพกไว้บนโต๊ะ พลางหันไปมองโนโซมิที่ยืนมองอยู่

“ดูเธอเริ่มชินกับมันแล้วนะ” โนโซมิยิ้ม

“ค่ะ” มิสะตอบสั้นๆและยิ้มให้

“ช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง? โอเคขึ้นหรือยังกับเรื่องที่เกิดขึ้น” โนโซมิถามขึ้น นี่ก็ถือว่าผ่านมาเกือบเดือนแล้วที่มิสะอยู่ที่นี่ เธอได้รับการฝึกฝนการต่อสู้เพื่อที่จะเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของที่นี่... ที่องค์กรโกสท์ฮันเตอร์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาเพื่อรับมือกับสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติโดยเฉพาะ แน่นอนว่าเรื่องแบบนั้นฟังดูเหมือนนิทานก่อนนอนของเด็กๆซะมากกว่า แต่อย่างไรก็ตามเรื่องพวกนั้นเป็นความจริงทั้งหมด

“ก็... บอกตรงๆนะคะว่ายากที่จะเชื่อ เหมือนชั้นกำลังอยู่ในฝันเลย”

“ชั้นก็ยังจำอะไรเกี่ยวกับตัวชั้นไม่ได้เลย แต่คุณมาคาเบะก็ช่วยเหลือชั้นไว้มาก”

“บางทีชั้นก็อยากจะขอบคุณเขาแบบจริงๆจังๆสักครั้งน่ะค่ะ” มิสะกล่าว

“หืม... งั้นหรอ?” โนโซมิทำท่าครุ่นคิด

“ไม่ลองชวนเขาเดทดูล่ะ”

“หา!! ด... เดท” มิสะหน้าแดงแป๊ด

“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการขอบคุณล่ะคะ!!!”

“ก็แหม... ของขวัญที่ดีที่สุดของหนุ่มๆก็คือการได้เดทกับสาวสวยไม่ใช่หรือไง?” โนโซมิทำหน้าทะเล้น

“เอ๋!! ช... ชั้นนี่หรอคะสวย?”

“โธ่เอ้ยมิสะจัง มั่นใจในตัวเองหน่อยสิ เธอนี่สวยมากๆเลยนะรู้ไหม อีกอย่างชั้นรู้หรอกนะว่าเธอก็ปลื้มจุนคุงอยู่ใช่ไหมล่า??”

“ไม่ใช่ซักหน่อยค่ะ!!!” มิสะเผลอพูดเสียงดัง ทำเอาโนโซมิยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับท่าทางของหญิงสาวตรงหน้า

“หุหุ จริงด้วยสินะ” โนโซมิยิ้มเจ้าเล่ห์

“เอาน่าๆ ลองชวนจุนคุงไปเดทดูสิ แหม... ยังไงๆทางนั้นก็ปฏิเสธไม่ลงอยู่แล้ว อีกอย่างนึงนะ...” โนโซมิพูดเว้นช่วงให้ดูน่าติดตามว่าเธอจะพูดอะไรต่อ

“เธอก็หาโอกาสสารภาพรักตอนเดทไปเลยสิ!!!”

“เห!!!! ส... ส.... สารภาพรัก!!!!” มิสะที่หน้าแดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่

“ชั้นทำไม่ได้หรอกค่ะ!!!”

“ที่พูดมานี่คือยอมรับแล้วสินะว่าชอบจุนคุงน่ะ?” โนโซมิหัวเราะคิกคัก

“อึก!!” มิสะถึงกับอ้ำๆอึ้งๆเมื่อเจอคำพูดของโนโซมิ หน้าของเธอแดงจนไม่รู้จะแดงยังไงแล้ว แต่เธอก็พยักหน้าช้าๆเป็นอันยอมรับว่าที่โนโซมิพูดมาทั้งหมดคือความจริง

“ก็แค่นั้นแหละ จริงๆเลยน้าเธอนี่”

“แบบนี้ชั้นจะได้ช่วยเต็มที่” โนโซมิขยิบตาให้

“เอ๋!! จริงหรอคะ??” มิสะทำตาลุกวาว

“เมื่อกี้ยังลุกลี้ลุกลนบอกว่าไม่ใช่อยู่เลย ตอนนี้ส่งประกายปิ๊งๆเชียวนะ” โนโซมิแซว

“คุยอะไรกันอยู่หรอครับนั่น?” เสียงของผู้มาเยือนดังขึ้น ชายหนุ่มสวมแว่นตาและเสื้อกาวน์หรือจุนนั่นเองที่เดินเข้ามา มิสะหันควับพร้อมหน้าที่ยังแดงไม่หาย ไม่รู้เพราะอะไรมิสะถึงขยับไปแอบข้างหลังโนโซมิเมื่อเห็นจุน

“อ้าวจุนคุง กำลังรออยู่เลย” โนโซมิโบกไม้โบกมือ

“รอผม?” จุนทำหน้างงๆ พลางชี้ไปที่ตัวเอง

“ก็นี่ไงเนี่ย...” โนโซมิขยับหนีมิสะ แต่มิสะก็ขยับตามโนโซมิ จนโนโซมิต้องผลักให้มิสะเดินไปหาจุน จุนเองที่ยังงงๆก็งงหนักกว่าเก่าที่เห็นมิสะกับโนโซมิมีท่าทีแปลกๆ

“มิสะมีเรื่องอยากคุยด้วย”

“อ๊ะ...” มิสะทำท่าจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกโนโซมิผลักไปเผชิญหน้ากับจุนจนได้ จุนยังคงดูหน้ามึนๆ ส่วนมิสะก็ยังคงหน้าแดงเป็นลูกตำลึง โนโซมิพยายามเดินถอยห่างเพื่อไม่ให้ตนเองเป็นก้างขวางคอ

“มีอะไรจะพูดกับผมหรอครับ?” จุนถามขึ้นเมื่อมิสะเงียบอยู่นาน

“เอ่อ... อ่า.... คือว่า.... คือ.....” มิสะพูดตะกุกตะกัก ยิ่งเห็นสายตาของจุนที่เฝ้ารอคำตอบของเธอก็ยิ่งพูดไม่ออก เธอสองจิตสองใจว่าบางทีอาจจะต้องถอยก่อน แต่เมื่อเหลือบไปเห็นโนโซมิที่ให้กำลังใจเธออยู่ ก็เหมือนมีพลังอะไรบางอย่างผลักดันให้เธอพูดออกไปจนได้

“ช... ช่วยออกไปข้างนอกกับชั้นด้วยนะคะ!!”

“หือ?” คำพูดนั้นของมิสะไม่ได้ทำให้จุนมีท่าทีใดๆ เขาก็แค่ยืนเฉยๆด้วยสีหน้าเดิมๆเล่นเอามิสะหน้าเสีย เพราะคำๆนั้นกว่าเธอจะรวบรวมความกล้าเพื่อที่จะพูดออกไปได้นั้นยากเย็น แต่กลับเจอปฏิกิริยาแบบนี้เหมือนเสียเวลารวบรวมความกล้าไปเปล่าๆ พลางคิดว่าที่ตัวเองพูดออกไปมันไม่ชัดเจนหรือเปล่านะ?

“ออกไปข้างนอกหรอครับ? ทำไมไม่ชวนคุณโนโซมิไปละ?” จุนตอบหน้าซื่อๆ ถ้ามองหน้าโนโซมิในตอนนี้จะเห็นว่าเธอเอามือตบหน้าผากแบบเครียดจัด

“ก... ก.... ก็ชั้นอยากไปกับคุณมาคาเบะ...”

“ไปกับผมเนี่ยนะครับ? ผมว่าไปกับผู้หญิงด้วยกันจะดีกว่านะครับ” จุนหัวเราะ มิสะที่หน้าแดงในตอนแรกด้วยความเขินอายเริ่มกลายเป็นหน้าแดงในอีกอารมณ์หนึ่ง ก่อนที่จะเธอจะพูดออกมาเสียงดังลั่น

“ต... ต.... ตาบ้า!!!” มิสะวิ่งพรวดออกจากห้องไปโดยที่จุนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาทำอะไรผิด จุนจึงเดินไปหาโนโซมิที่มองอยู่และถอนหายใจเบาๆ

“ผมทำอะไรผิดหรอครับคุณโนโซมิ?”

“เฮ้อ... ไม่เข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยเลยนะจุนคุง” โนโซมิส่ายหน้านิดๆ พลางยกมือขึ้นสองข้างแล้วยักไหล่

“ตาทึ่มเอ้ย!!!”

“อ้าว??” จุนมึนหนักไปใหญ่เมื่อจู่ๆก็โดนว่าเข้าให้

“ชั้นว่าเธอน่าจะรู้นะว่าควรทำยังไงต่อไปน่ะ เอ้า!! ตามไปง้อเธอได้แล้ว”

“อ่า... ครับๆ” แม้จุนจะยังไม่รู้เรื่องว่าเขาทำอะไรผิดกันแน่ แต่เขาก็ตัดสินใจทำในสิ่งที่โนโซมิบอกแล้วตามมิสะที่วิ่งพรวดออกไปทันที

----------------------------------------------------

“ว้าว...”

มิสะอุทานเมื่อเห็นเสื้อสเว็ตเตอร์สีดำตัวหนึ่ง ดวงตาของเธอส่องประกายเหมือนว่าเธอจะชอบเสื้อตัวนี้มาก ส่วนจุนเองที่มาด้วยกันก็เดินดูเสื้อผ้าตัวอื่นรอบๆร้าน

“ลองได้นะคะ” พนักงานสาวเดินเข้ามาพูดคุยกับมิสะด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสเมื่อเห็นเธอจ้องมองเสื้อตัวนั้นโดยไม่วางตา มิสะดูมีท่าทีเกรงใจนิดๆ

“ลองสิ ถ้าเธอชอบผมซื้อให้ก็ได้นะ” จุนเดินมาหาเมื่อเห็นมิสะดูตัดสินใจไม่ได้ซักที

“จริงหรอ??” มิสะตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง แล้วเดินเข้าห้องลองเสื้อพร้อมกับเสื้อสเว็ตเตอร์สีดำตัวนั้น สักพักเธอก็ออกมาโดยสวมชุดสเว็ตเตอร์ตัวดังกล่าว

“ดูเป็นไงบ้าง?” มิสะพูดพลางหมุนตัวไปรอบๆราวกับเต้นลีลาศ

“ก็ดูเข้ากับเธอดีนะ” จุนตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

“บู่ววว อย่าตอบแบบขอไปทีสิ”

“อ้าว?” เมื่อเห็นมิสะมีท่าทีเซ็งๆอย่างกะทันหันก็ทำให้จุนงงอีกครั้ง

“แล้วจะให้ตอบแบบไหนละครับเนี่ย” จุนหัวเราะแห้งๆหวังว่าจะแก้สถานการณ์ แต่เหมือนจะไม่ช่วยอะไร มิสะยิ่งดูเซ็งไปใหญ่

“คุณมาคาเบะ บ้า!!” มิสะถอดเสื้อสเว็ตเตอร์แล้วโยนให้จุน จากนั้นก็เดินออกจากร้านไปเลย

“แหม ไม่ซื้อเสื้อไปง้อคุณแฟนสาวหน่อยหรอคะ ผู้หญิงน่ะชอบให้เอาใจนะ” พนักงานสาวกล่าวขึ้น เหมือนว่าเธอจะมองดูเหตุการณ์อยู่ตลอด

“เอ่อ... นั่นไม่ใช่แฟนสาวของผมหรอกครับ แต่ผมขอซื้อตัวนี้ละกันครับ”

“ทั้งหมดหนึ่งพันแปดร้อยห้าสิบเยนค่ะ ขอบพระคุณค่ะ” พนักงานสาวกล่าวขอบคุณตามธรรมเนียม เมื่อจุนจัดการจ่ายเงินเรียบร้อยและได้ของที่ต้องการแล้วเขาก็ก้าวออกจากร้านทันที

----------------------------------------------------

“มิสะ?? มิสะ???” จุนเรียกชื่อของหญิงสาวหลังจากที่ก้าวออกมาจากร้าน เขามองซ้ายมองขวา จนกระทั่งเขาพบเธอจนได้ เธอนั่งอยู่บนม้านั่ง ใบหน้าของเธอดูเหม่อลอย จุนเดินเข้าไปหาเธอ เมื่อเธอเห็นจุนก็หันหน้าหนี แต่ไม่รู้ทำไมจุนถึงขำกับท่าทีแบบนั้นของมิสะ

“นี่ ผมซื้อมาให้เธอแล้วนะ เสื้อตัวนั้นน่ะ” จุนพูดพลางหยิบเสื้อสเว็ตเตอร์สีดำที่มิสะอยากได้ขึ้นมา มิสะหันมองนิดหน่อยแต่ก็หันกลับไปเหมือนเดิม

“ยังไงผมก็พูดจริงนะ เธอใส่ชุดนี้แล้วดูดีจริงๆ... เอ่อ... คือ... แบบว่าสวยน่ะ” จุนพูดไปแบบอายๆ เหมือนมิสะที่งอนตุ๊บป่องอยู่ก็เริ่มหน้าแดงนิดหน่อย

“ร... หรอ...” มิสะพูดสั้นๆ เหลือบมองจุนนิดๆ เขาพยักหน้า เมื่อเห็นดังนั้นมิสะจึงยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเขา มือทั้งสองข้างของเธอประสานกันข้างหน้า พลางขยับยุกยิกไปมา

“คือ... ชั้น... ชั้น.... ม... ม..... มีเรื่องจะบอก” เมื่อมิสะพูดดังนั้น จุนก็จ้องมิสะเพื่อตั้งหน้าตั้งตารอคำตอบ สายตาของชายหนุ่มที่เธอแอบชอบทำให้เธอประหม่า แต่ไหนๆก็มาถึงขั้นนี้แล้ว...

“ชั้นชอบคุณมาคาเบะค่ะ!!!” ในที่สุดเธอก็พูดออกไปเสียที ผู้ได้รับคำตอบยืนนิ่ง มิสะเองก็หลับตาปี๋เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง แต่เมื่อทุกอย่างเงียบกริบ มิสะจึงเงยหน้ามองจุน ปรากฏว่าจุนไม่ได้มีปฏิกิริยาใดๆทั้งสิ้นกับคำสารภาพของหญิงสาว

เหมือนกับตอนที่เธอชวนเขาไปเดทไม่มีผิด... เดจาวูชัดๆ

“ม... ม..... มัวทำหน้าเอ๋อทำไมล่ะคะ!! คำตอบล่ะคะ!! คำตอบ!!!” มิสะจ้องหน้าจุนเขม็ง สายตาของมิสะดูมุ่งมั่นที่จะรอคำตอบเป็นอย่างมาก

“อุ๊บ...” จุนเหมือนว่าจะอั้นหัวเราะมานานแล้ว เขาเลยเผลอหัวเราะออกมาเสียงดัง

“หัวเราะทำไมเล่า... ตาบ้า” มิสะหันไปอีกทางแก้เขิน จุนหยุดหัวเราะ เมื่อมิสะหันไปมองจุนก็พบว่าเขายิ้มให้พร้อมพยักหน้านิดๆ เหมือนว่านั่นคือคำตอบของเขาโดยที่ไม่จำเป็นต้องพูดอะไร

“เพราะคุณมาคาเบะนั่นแหละ... ร... รับผิดชอบด้วยล่ะ”

----------------------------------------------------

“จุนจัง!! เอ๊ะ... ไม่อยู่หรอ?” มิสะเปิดประตูห้องทำงานของแฟนหนุ่มพร้อมเรียกชื่อเขา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่ มิสะมองเห็นกองเอกสารวางทิ้งไว้บนโต๊ะอย่างไม่เป็นระเบียบ ด้วยความหวังดีต่อแฟนหนุ่มของตน เธอจึงเดินเข้าไปจัดเรียงเอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงาน

“เฮ้อ... จุนจังนี่ล่ะก็ ชอบวางของระเกะระกะ... เอ๊ะ...” เมื่อมิสะได้พยายามจัดเรียงเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะนั้น พลันสายตาของเธอไปเห็นชื่อของเธออยู่บนเอกสารฉบับหนึ่ง นั่นทำให้มิสะคว้าเอกสารฉบับนั้นมาอ่านดูอย่างละเอียดทันทีทันใด

“โครงการชานดาร์ก... หรอ?” สิ่งที่ปรากฏอยู่บนเอกสารฉบับนั้นมีหัวข้อว่า “โครงการชานดาร์ก” พร้อมกับชื่อของเธอที่อยู่บนนั้น รวมทั้งยังมีชื่อแฟนหนุ่มของเธออยู่ด้วย...

โครงการชานดาร์ก

หมายเลขที่ : 8
โค้ดเนม : มิสะ
สถานะ : ถูกลบความทรงจำ
ผู้รับผิดชอบ : มาคาเบะ จุน
รายละเอียด : เนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง ไม่สามารถทำการเยียวยารักษาได้ จึงได้ทำการลบความทรงจำ และฝึกให้เป็นเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ในอนาคต


“น... นี่มัน...”

“อ้าวมิสะจัง??” ในขณะที่มิสะกำลังตกตะลึงกับสิ่งที่ปรากฏในเอกสารตรงหน้า จุนก็เข้ามาในห้องพอดี เมื่อจุนเห็นว่ามิสะกำลังอ่านอะไรอยู่ เขาก็หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด

“จุนจัง... นี่คืออะไร??” มิสะซึ่งเริ่มมีน้ำใสๆเอ่ออยู่ในดวงตาพูดขึ้นพร้อมยื่นเอกสารฉบับดังกล่าวให้จุนเห็น

“เอ่อ...”

“ตอบมาสิ!!!” มิสะขึ้นเสียงใส่เขา จุนก้มหน้าอย่างรู้สึกผิด เขากัดฟันกรอดอย่างแรงจนเหมือนฟันของเขาจะหักเอาให้ได้

“ชั้น... ขอโทษ”

“ชั้นไม่ได้ต้องการคำขอโทษ!! ชั้นต้องการคำอธิบาย!!!” มิสะแผดเสียงใส่จุน น้ำตาของเธอไหลพรากจนไม่อาจควบคุมได้ จุนพูดอะไรไม่ออก เขาได้แต่ก้มหน้านิ่ง

“เธอ... เป็นส่วนหนึ่งของโครงการชานดาร์ก โครงการสำหรับช่วยเหลือหญิงสาวที่ประสบเหตุการณ์สูญเสียขั้นร้ายแรงจากวิญญาณ และนำมาฝึกฝนให้เป็นเจ้าหน้าที่” จุนพยายามอธิบายออกมาอย่างยากลำบาก เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอ

“ทุกคนจะต้องได้รับการเยียวยารักษา และฝึกฝนเพื่อที่จะเอาชนะความกลัวที่มีต่อเหตุการณ์ในอดีต... แต่ในกรณีของเธอ เธอได้รับการกระทบกระเทือนจิดใจอย่างรุนแรง... ชั้นจึงต้องใช้วิธีลบความทรงจำของเธอ... แต่ชั้นก็ไม่อยากทำเลย”

“แต่นั่นก็เพื่อตัวเธอเอง เพื่อไม่ให้เธอต้องมาเจ็บปวดกับเรื่องเลวร้ายในอดีตไงล่ะ”

“เพื่อตัวชั้น... งั้นหรอ?? พูดบ้าอะไรของเธอ?? ชั้นจำอะไรไม่ได้เลย... เรื่องทุกอย่าง... ครอบครัวชั้น... อดีตของชั้น... ชื่อของชั้น.... นี่น่ะหรอทำเพื่อชั้น!!”

“งั้นก็แสดงว่า... ที่เธอดูแลชั้นมาโดยตลอด... เธอทำเพราะความรู้สึกผิดที่ลบความทรงจำของชั้นใช่ไหม...?” จุนสะอึกกับคำพูดดังกล่าว เหมือนมันจะแทงใจดำของเขาเข้าอย่างจัง แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังคงเงียบ ไม่อาจรู้ว่าเงียบเพราะไม่มีคำพูด หรือมีแต่พูดไม่ออก

“ชั้นไม่รู้หรอกนะ... ว่าที่จุนจังทำไปทั้งหมดน่ะเพื่ออะไร... แต่ที่ชั้นทำทั้งหมดเพราะชั้น... รัก... จุนจัง”

“ชั้น...” จุนพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่มิสะวิ่งออกไปจากห้องทำงานของแฟนหนุ่มทั้งน้ำตา จุนพยายามเรียกชื่อเธอแต่ก็ไม่เป็นผล คนอื่นๆที่เดินผ่านและเห็นมิสะก็ต่างสงสัยว่าเธอเป็นอะไร เธอไม่สนใจวิ่งตรงไปที่ห้องน้ำ เธอควักน้ำจากก๊อกขึ้นมาล้างใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของเธอ เงาสะท้อนของเธอบนกระจกปรากฏข้อมูลส่วนตัวต่างๆของเธอด้วยคุณสมบัติของโกสท์อายส์ อุปกรณ์สารพัดประโยชน์ขององค์กรโกสท์ฮันเตอร์ในรูปของคอนแทคเลนส์ แต่มีเพียงข้อมูลทางกายภาพของเธอเท่านั้นที่ปรากฏ ข้อมูลในส่วนอื่นของเธอต่างขึ้นว่า “ไม่มีข้อมูล” มีเพียงในส่วนของชื่อที่ระบุไว้ว่า “มิสะ” แต่นั่นก็ไม่ใช่ชื่อจริงของเธอ...

ดูเหมือนโกสท์อายส์จะอ่านข้อมูลบางจุดจากความทรงจำ...

ซึ่งความทรงจำของเธอตอนนี้มันว่างเปล่าไปหมด...

มิสะปล่อยโฮออกมาอีกครั้ง... เธอทรุดลงไปบนพื้นห้องน้ำ ณ เวลานี้คงไม่มีใครปลอบใจเธอได้ดีไปกว่า... ตัวของเธอเอง

----------------------------------------------------

“มิสะจัง!!” จุนรีบเรียกชื่อเธอทันทีหลังจากพบเธออีกครั้ง ตาของมิสะบวมเป่ง บ่งบอกว่าเธอผ่านการร่ำไห้มาอย่างหนัก

“ชั้นขอโทษ... ชั้นขอโทษจริงๆ...”

“ให้อภัยชั้นเถอะนะ...” จุนกล่าวขอโทษอย่างจริงใจ เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของเขา เป็นการตัดสินใจของเขา ดังนั้นคนที่ต้องยอมรับผิดก็คือเขา

“ชั้นให้อภัยนาย” คำตอบของมิสะทำให้จุนยิ้มออก

“ใช่... บางทีชั้นก็ไม่จำเป็นต้องสนใจหรอกว่าชั้นเป็นใคร... ในเมื่อปัจจุบันนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร... ชั้นควรจะทำวันนี้ให้ดีที่สุด จริงไหม??”

“ดังนั้นช่างหัวอดีตมันเถอะ” เมื่อมิสะพูดแบบนั้น จุนคิดว่ามิสะคงจะเข้าใจแล้ว เขาจึงพยายามจะเดินเข้าไปสวมกอดเธอ แต่คำพูดต่อจากนั้นมันทำให้เขาหยุดชะงัก

“อดีตระหว่างชั้นกับนายด้วย... มันจบลงแล้วล่ะ” คำพูดนั้นเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจของชายหนุ่ม... รอยยิ้มของเขาในตอนแรกหายไปอย่างรวดเร็ว มิสะไม่ใส่ใจกับท่าทีของอดีตแฟนหนุ่ม เธอเดินจากไปอย่างเงียบๆ...

มาคาเบะ จุน เพิ่งรู้ตัวว่าการตัดสินใจของเขาในตอนนั้นเป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์

แต่นั่นมันก็สายเกินไปเสียแล้ว...

เขารู้สึกผิด... และนี่คือบทลงโทษของเขา...

มิสะเดินจากไปโดยไม่เหลียวหลังมามอง... ความสัมพันธ์ต่อชายหนุ่มที่เธอเคยรักที่สุดได้ขาดสะบั้นลง

แต่น้ำตาของเธอที่ยังคงเอ่อล้นออกมานั้น... บางทีเธออาจจะยังรักเขาอยู่...

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม... ชีวิตของเธอก็ต้องดำเนินต่อไป... ในฐานะของเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์... มิสะ

----------------------------------------------------


----------------------------------------------------

Ghost Hunter Archives

Secret Data #??? Project Jeanne d'Arc
โปรเจ็กท์ชานดาร์ก หรือโครงการชานดาร์ก (เป็นภาษาฝรั่งเศส) คือชื่อโครงการขององค์กรโกสท์ฮันเตอร์ที่จะทำการช่วยเหลือหญิงสาวซึ่งประสบเหตุการณ์เลวร้ายกับวิญญาณมาฝึกให้เป็นเจ้าหน้าที่ เช่น ถูกวิญญาณทำร้ายจนปางตาย ครอบครัวถูกวิญญาณฆ่าตาย ฯลฯ โดยจะทำการฝึกพวกเธอเพื่อให้สามารถเอาชนะความหวาดกลัวในอดีตให้ได้และถูกบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ในภายหลัง แต่ถ้าหากจิตใจของบางคนที่ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนไม่อาจเยียวยาได้ ทางองค์กรจะใช้วิธีลบความทรงจำของเธอคนนั้น (โดยวิธีดังกล่าวถือว่าเป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ เนื่องจากมันจะส่งผลให้ความทรงจำส่วนอื่นหายไปด้วย อย่างเช่นกรณีของมิสะ) สำหรับเจ้าหน้าที่ในโครงการนี้จะใช้โค้ดเนมแทนชื่อจริง (ชิฮายะ มิโนริ โค้ดเนมสไมล์ ก็ถือเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของโครงการชานดาร์กเช่นเดียวกัน) คำว่าชานดาร์ก มาจากชื่อของวีรสตรีในประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Ghost Hunter : Chapter 0 "Lost Memories"
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Ghost Hunter : Chapter 2 "Operation Ghost Hunter"
» Ghost Hunter : Chapter 5 "In Trouble"
» Ghost Hunter : Chapter 1 "Training Lesson"
» Ghost Hunter : Chapter 3 "Epic Battle"
» Ghost Hunter : Chapter 4 "Weird Trip"

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: