Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Ghost Hunter : Chapter 11 "Grotesque Cycle"

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Ghost Hunter : Chapter 11 "Grotesque Cycle" Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Ghost Hunter : Chapter 11 "Grotesque Cycle"   Ghost Hunter : Chapter 11 "Grotesque Cycle" EmptySun Dec 14, 2014 10:17 pm



----------------------------------------------------

เสียงกระแทกของประตูมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่ที่วิ่งลุยออกมา เป็นอย่างที่คาดคิดไว้เมื่อเวนเดททร้าหลายตัวเพ่นพ่านอยู่ในห้องโถงหลักเต็มไปหมด เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างเลือกที่จะหลีกเลี่ยงและวิ่งตรงไปที่ประตูที่จะพาไปสู่ห้องเก็บอาวุธ แต่ดูเหมือนจะไม่ง่ายอย่างที่คิด เหล่าเวนเดททร้าต่างพุ่งเข้ามาขวางไว้แทบจะทันที ด้วยความที่ห้องโถงนั้นกว้างใหญ่มาก ยังเหลือระยะทางอีกมากกว่าจะถึงจุดหมาย เมื่อถูกศัตรูขวางทางไว้แบบนี้ ทำให้ระยะทางที่ไกลนั้นดูไกลยิ่งกว่าเดิม

เหล่าเจ้าหน้าที่ต่างจับกลุ่มเป็นวงกลมแล้วหันหน้าออกเพื่อที่จะรับมือศัตรูที่เข้ามาจากทุกทิศทางได้ทุกเมื่อ เหล่าวิญญาณร้ายเลือกที่จะไม่สุ่มสี่สุ่มห้าเข้ามาโจมตี ในขณะที่เหล่านักล่าผีต่างมองดูสถานการณ์ที่คงจะเรียกได้ว่าเริ่มคับขันแล้ว

“จะสร้างห้องให้มันกว้างๆทำไมกันฟะ!!” มิคาโดะพาลไปโทษขนาดของห้องโถงที่ทำให้เขาและคนอื่นๆต้องมาตกอยู่ในวงล้อมของเวนเดททร้า ตัวเขาเองที่น่าจะเป็นคนเดียวที่มีอาวุธนั่นก็คือสนับมือน่าจะต้องเป็นกำลังหลักของทุกคนในตอนนี้อย่างช่วยไม่ได้ มาโมรุที่เคยพกอาวุธไปตอนพักผ่อนที่รีสอร์ทก็กลับไม่ได้พกอาวุธมาในสถานการณ์ตอนนี้

“ว่าไงครับคุณหัวหน้า จะเอายังไง?” มิคาโดะหันไปพูดกับมิสะอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความกวนประสาท

“ปกตินายไม่เคยฟังคำสั่งใครไม่ใช่หรือ?” มิสะยอกย้อน

“ช่วยดูสถานการณ์หน่อยเถอะแม่คุณ” มิคาโดะโต้กลับ

“เอาน่าๆ!!” โนบุฮิเดะปรามด้วยเสียงดังลั่น ดูเหมือนจะได้ผล

“ที่ชั้นหยุดเพราะหนวกหูเสียงแกนะ โนบุฮิเดะ” มิคาโดะยักไหล่ ส่วนมิสะไม่พูดอะไรต่อ เช่นเดียวกับโนบุฮิเดะที่ถูกพาดพิงก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน

“ถ้าไม่มีใครเปิดชั้นเปิดก่อนนะ” มาโมรุพูดพร้อมวิ่งออกจากกลุ่ม เช่นเดียวกับเวนเดททร้าที่เห็นศัตรูตัวเองขยับก็เริ่มพุ่งตัวเข้ามา มาโมรุเบี่ยงตัวหลบอย่างง่ายดายพร้อมเตะเสยร่างของเวนเดททร้าจนลอยขึ้นฟ้า เวนเดททร้าตัวอื่นๆเริ่มพุ่งเข้าโจมตีส่งผลให้เจ้าหน้าที่จับกลุ่มกันในตอนแรกเริ่มเคลื่อนไหวกันไปคนละทิศคนละทาง

งานของมิคาโดะดูเหมือนจะง่ายกว่าคนอื่นเพราะตัวเขาเองมีสนับมือ เขาใช้วิชาการต่อสู้ระยะประชิดตามถนัดสู้กับเวนเดททร้าได้อย่างไม่มีปัญหา แม้ว่าเขาจะเผชิญหน้ากับศัตรูทีละหลายตัวก็ตาม เขาก็สามารถรับมือไหวและจัดการพวกมันอย่างสบายๆด้วยหมัดและเท้า เวนเดททร้าที่เลือกเป้าหมายมาที่เขาดูเหมือนจะตัดสินใจผิดเพราะพวกมันต่างถูกอัดจนกระจายด้วยน้ำมือของชายคนนี้

เช่นเดียวกับมิสะที่แม้จะไม่มีมีดสั้นอาวุธประจำตัว เธอยังคงเป็นสุดยอดเพชฌฆาตที่น่าหวั่นเกรงสำหรับพวกเวนเดททร้าเสมอ เธอหมุนตัวเตะสวนเวนเดททร้าที่พุ่งเข้ามาจนขาของมิสะแทบจะทะลุร่างของมัน เวนเดททร้าอีกตัวล็อคคอมิสะจากด้านหลัง เธอจับมันทุ่มลงกับพื้นราวกับนักยูโดทีมชาติ ก่อนที่ร่างของเวนเดททร้าที่นอนอยู่บนพื้นนั้นจะถูกมิคาโดะที่พุ่งเข้ามาจากไหนไม่รู้ใช้เท้ากระทืบบริเวณใบหน้าของมันจนสลายไป มิคาโดะหันหน้าไปยักคิ้วให้มิสะที่ดูเหมือนจะไม่พอใจเท่าไหร่นักที่ถูกแย่งซีน

“ชั้นว่าเธอควรจะพูดขอบคุณนะ” มิคาโดะพูดน้ำเสียงยียวน

“งั้นหรอ?” มิสะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ

ด้านโนบุฮิเดะพุ่งตัวเข้าไปแล้วเหวี่ยงท่อนแขนฟาดเวนเดททร้าที่พุ่งเข้ามา ก่อนที่จะจับมันยกขึ้นมาเหนือศีรษะแล้วทุ่มลงไปอย่างรุนแรง เวนเดททร้าอีกตัวที่พุ่งเข้ามาถูกโนบุฮิเดะบีบคอแล้วยกขึ้นทุ่มด้วยมือเดียวอย่างสบายๆ พลางหันไปที่เวนเดททร้าตัวหนึ่งซึ่งกำลังจะเข้าไปทำร้ายเกล โนบุฮิเดะเข้าไปรวบเอวเวนเดททร้าตัวนั้นจากข้างหลังแล้วเหวี่ยงร่างของมันทุ่มไปด้านหลังจนคอของมันปักพื้น

“แกไปฝึกใช้ท่าพวกนี้มาจากไหนเนี่ย?” มิคาโดะถามขึ้นเมื่อเห็นโนบุฮิเดะจัดการเวนเดททร้าด้วยท่าแปลกๆลักษณะคล้ายกับท่าจับทุ่มในการแสดงจำพวกมวยปล้ำ โนบุฮิเดะแสยะยิ้มแทนคำตอบพร้อมใช้เท้าถีบหน้าเวนเดททร้าอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆ

ดูเหมือนเจ้าหน้าที่ทั้งหลายจะไม่มีปัญหากับศึกครั้งนี้นักเท่าไหร่ ทุกคนสามารถเอาตัวรอดได้แม้จะไร้อาวุธ โนโซมิแม้จะรู้ว่าลูกสาวของตนเองไม่ได้อ่อนแอเหมือนแต่ก่อนแต่เธอก็ยังอดห่วงไม่ได้ จึงพยายามใช้ร่างกายตัวเองปกป้องโนโดกะไว้ตลอดเวลา ด้านเชนแม้จะมีอายุที่มากแล้วก็ยังรับมือกับเวนเดททร้าได้อย่างสบายๆ คงจะมีแต่เรียวที่ดูมีปัญหาเล็กน้อยเพราะตลอดที่ปฏิบัติภารกิจมาเขาใช้แต่ปืนตลอด เช่นเดียวกับเกลที่ถนัดการใช้ดาบก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องการต่อสู้มือเปล่าเท่าไหร่

แม้เจ้าหน้าที่แต่ละคนจะดูรับมือไหว แต่ด้วยเวนเดททร้าที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆและดูเหมือนไม่สิ้นสุด พวกมันพยายามปิดกั้นทางหนีทุกทาง โดยเฉพาะประตูที่จะพาไปสู่ห้องเก็บอาวุธถูกพวกเวนเดททร้าที่มาขวางเอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับพวกมันรู้ว่าเหล่าเจ้าหน้าที่มีจุดมุ่งหมายที่ใด แม้ทุกคนจะเป็นเจ้าหน้าที่ที่ฝึกฝนมาดี แต่พวกเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง พละกำลังแต่ละคนเริ่มลดลงหลังจากการต่อสู้อันหนักหน่วงและยาวนาน ทุกคนเริ่มเหงื่อตก ซึ่งไม่อาจทราบว่าเกิดจากเพราะความเหนื่อยล้าหรือเพราะความกังวลกันแน่ ก่อนที่ทุกคนจะกลับมารวมตัวในลักษณะล้อมวงและหันเผชิญหน้ากับศัตรูเหมือนเดิม

“ชั้นเริ่มจะหมดแรงแล้วนะ...” มิสะพูดขึ้นพร้อมหายใจหอบเป็นจังหวะ

“ชั้นก็เหมือนกัน” มาโมรุพูดขึ้น ดูเธอจะใช้พลังงานมากกว่าคนอื่นพอสมควร

“พวกมันมีมาเรื่อยๆ... ต่อให้กำจัดพวกที่ขวางประตูไปเท่าไหร่พวกมันก็มาเรื่อยๆไม่มีหมดเลย...” โนโซมิกล่าว ท่าทางของเธอก็ดูหมดแรงไม่แพ้คนอื่นๆ

“นี่มันเริ่มคับขันแล้วนะ” มิสะพูดถึงสถานการณ์ในปัจจุบัน

“แต่ชั้นว่ามันคับขันตั้งแต่ที่เราเสนอหน้าออกมาที่นี่แล้วล่ะ” มิคาโดะพูดเสริม

“ไม่เอาน่า... มันต้องมีทางออกสิ” โนโซมิพยายามมองโลกในแง่ดี ในเรื่องประสบการณ์นั้นดูท่าว่าจะมีเธอและเชนที่มีประสบการณ์มากที่สุดในกลุ่มตอนนี้ ดังนั้นไม่แน่ว่าประสบการณ์ที่สั่งสมมาของทั้งสองคนอาจจะทำให้พบเจอทางออกในสถานการณ์นี้ก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามในมุมมองของโนโซมิตอนนี้ เธอยังพบว่าทางออกในสถานการณ์นี้ยังคงมืดมน สภาพที่มีเพียงสนับมืออันเดียวของมิคาโดะและเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นฝูง ไม่ว่าจะมองในแง่ไหนก็ตามเหล่าเจ้าหน้าที่ก็ดูเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด

รอดมาได้ถึงตอนนี้ก็บุญแค่ไหนแล้ว...

“หม่าม้า?” โนโดกะเรียกโนโซมิที่เริ่มมีสีหน้าที่ดูไม่สบายใจ คงเพราะเธอแทบจะไม่รู้เลยว่าจะเอาตัวรอดในสถานการณ์ตอนนี้ยังไง แต่ถึงกระนั้นเธอก็ฝืนยิ้มให้กับลูกสาวตัวเองเพื่อให้โนโดกะรับรู้ว่าเธอไม่เป็นอะไร

เธอจะไม่ทำให้ลูกสาวของเธอต้องเป็นห่วงเป็นอันขาด...

“มีอะไรหรอโนโดกะจัง?” โนโซมิพยายามดัดเสียงให้ดูปกติที่สุด

“หม่าม้าไม่เป็นไรนะคะ?” โนโดกะถามด้วยความเป็นห่วง

“จ้ะ” โนโซมิตอบสั้นๆ

“หนูรู้นะคะว่าหม่าม้าคิดอะไรอยู่” ดูเหมือนโนโซมิจะสอบตกเรื่องการแสดงละคร เพราะเธอไม่สามารถกลบสีหน้าที่ดูไม่สบายใจของเธอได้ โนโดกะจึงรู้ว่าคุณแม่ของเธอมีเรื่องอะไรบางอย่างภายใต้สีหน้าที่ดูฝืนยิ้มนั้น

“หม่าม้ากำลังกังวลเรื่องสถานการณ์ในตอนนี้” โนโดกะพูดราวกับอ่านใจคุณแม่ของเธอออก

“ไม่ต้องกังวลไปนะคะ ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องช่วยกันจนรอดไปด้วยกันให้ได้” โนโดกะพยายามให้กำลังใจคุณแม่ของเธอ โนโซมิยิ้มให้เธอ คราวนี้ไม่ใช่รอยยิ้มที่ดูฝืนอีกต่อไป ดูเหมือนกำลังใจจากลูกสาวจะยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด

“ใช่แล้ว!! ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ต้องรอดไปให้ได้”

“ณ ตอนนี้วัฏจักรมันกำลังวิปริต แปรปรวนและสับสน... เราจะทำให้วัฏจักรนั้นกลับมาเป็นเหมือนเดิม นั่นคือ...”

“การกลับมาเป็นผู้ไล่ล่าอีกครั้งหนึ่ง...”

“จัดการกับพวกมันให้หมด!! แล้วบุกเข้าไปทีห้องเก็บอาวุธให้ได้ ที่นี่คือถิ่นของเรา!! ไม่มีทางที่จะให้ใครหน้าไหนมายุ่งกับถิ่นของเราเป็นอันขาด!!” โนโซมิพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและมุ่งมั่น รวมทั้งแฝงไปด้วยความดุดัน

เมื่อโนโซมิพูดจบ ทุกคนที่ดูเหมือนจะหมดแรงกลับฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับว่าคำพูดของเธอนั้นเป็นแรงปลุกใจชั้นยอด ถ้าหากเหล่าเวนเดททร้าพวกนั้นเป็นมนุษย์ล่ะก็ คงจะประหลาดใจไม่น้อยที่เห็นศัตรูของตัวเองที่ดูเหมือนหมดแรงเต็มทนกลับมาดูแข็งแกร่งเหมือนเดิมอีกครั้ง

แต่จริงๆแล้วโนโดกะต่างหากที่เป็นคนทำให้โนโซมิมีกำลังใจเพิ่มขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนั้น เวนเดททร้าจึงพุ่งเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ดูเหมือนเหล่าเจ้าหน้าที่จะไม่เริ่มจู่โจมก่อน แต่กลับรอให้ศัตรูโจมตีแล้วค่อยสวนกลับทีหลัง เวนเดททร้าชุดแรกถูกกำจัดด้วยน้ำมือของมิสะและมาโมรุ ในขณะที่มิคาโดะและโนบุฮิเดะพุ่งเข้าไปหาเวนเดททร้าที่ขวางประตูสู่ห้องเก็บอาวุธ แล้วใช้ความสามารถของตนเองจัดการพวกมันจนหมด ก่อนที่จะเวนเดททร้าชุดใหม่จะพุ่งกลับมาเพื่อหวังจะมาขวางประตูอีกครั้ง

แต่รอบนี้กลับไร้ผล เมื่อพวกเวนเดททร้าที่จะเข้ามาขวางถูกเชน เรียวและเกลที่วิ่งเข้ามาจัดการอย่างรวดเร็ว ทำให้เวนเดททร้าไม่สามารถเข้ามาขวางประตูได้ทัน ระหว่างนั้นทางไปสู่จุดหมายก็ไร้อุปสรรค แต่ว่ามันคงอยู่ในสภาพที่ไร้อุปสรรคแบบนี้อีกไม่นานแน่ๆ เพราะเหล่าเวนเดททร้าชุดใหม่เริ่มพุ่งตัวเข้ามาแล้ว...

โนโซมิและโนโดกะจึงใช้จังหวะนี้วิ่งไปทันที ดูเหมือนว่าเหล่าเจ้าหน้าที่จะใช้เจ้าหน้าที่บางส่วนเป็นผู้เคลียร์ทาง และให้เจ้าหน้าที่อีกส่วนที่ยังว่างเป็นฝ่ายเข้าไปยังประตูในช่วงที่เวนเดททร้าพุ่งกลับเข้ามาขวางไม่ทัน มันเป็นแผนการที่ดูธรรมดาๆแต่อาจจะได้ผล โนโซมิและโนโดกะเหลือระยะทางอีกไม่มากก็จะถึงประตูซึ่งเป็นจุดหมายแล้ว...

ทว่ามันไร้ผล...

เมื่อมีเวนเดททร้าพุ่งออกมาจากประตูดังกล่าวแล้วเข้าโจมตีโนโซมิและโนโดกะ ทำให้ทั้งสองต้องรีบกระโดดถอยออกมา เวนเดททร้าจำนวนมากเริ่มเข้ามาขวางประตูเหมือนเดิม มิคาโดะและโนบุฮิเดะต้องรีบถอยออกมาก่อนที่จะถูกรุมเล่นงาน เช่นเดียวกับเชน เกล และเรียว ส่วนทางด้านมิสะและมาโมรุเมื่อเห็นว่าแผนไร้ผลก็ต่างพลาดท่าถูกจู่โจม แต่โชคดีที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย

“ไม่ได้ผลหรือนี่...” โนโซมิดูไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น อีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น หนทางรอดเริ่มกลับมามืดมนอีกครั้ง อีกทั้งดูเหมือนจะมืดมนยิ่งกว่าเดิม รวมทั้งเจ้าหน้าที่คนอื่นๆก็ดูจะหมดกำลังใจไปพอสมควร แม้แรงกายอาจจะยังเหลืออยู่ แต่สภาพจิตใจก็ทำให้แรงกายนั้นหมดไปเช่นเดียวกัน

ระหว่างนั้นเวนเดททร้าใช้โอกาสที่ทุกคนกำลังหมดแรงกายและแรงใจเข้าจู่โจมทันที เวนเดททร้าตัวหนึ่งพุ่งเข้าใส่โนโดกะที่ทรุดตัวลงกับพื้น โนโซมิเห็นดังนั้นจะพุ่งตัวเข้าไปช่วย แต่ทว่าตัวเธอเองก็ถูกเวนเดททร้าตัวหนึ่งเข้าประชิดตัวเช่นกัน

หรือนี่คือจุดจบของพวกเขากันแน่นะ...

ปัง!!! ปัง!!! ปัง!!!

ทันใดนั้นเสียงปืนปริศนาก็ดังขึ้น ราวกับเสียงจากสรวงสวรรค์ กระสุนปืนหลายนัดพุ่งเข้าทะลุทะลวงร่างของเวนเดททร้าแทบทุกตัวที่อยู่ในห้องโถง รวมทั้งตัวที่ขวางประตูอยู่ก็ถูกยิงจนพรุน เมื่อทุกคนหันไปยังต้นเสียงก็พบกับมิโนริและเวอร์ดี้จากประตูอีกด้านถือปืนกราดยิงเวนเดททร้าที่กำลังเข้าไปโจมตีเจ้าหน้าที่แต่ละคนในห้องโถง พวกมันสลายไปจนหมด โนโดกะที่ทรุดตัวอยู่เริ่มลุกขึ้นยืนเมื่อพบว่าตัวเองปลอดภัย ทางไปสู่ประตูห้องเก็บอาวุธกลับมาสะดวกอีครั้ง โดยไม่ต้องให้ใครมาบอก เจ้าหน้าที่ทุกคนวิ่งเข้าไปที่ประตูนั้นโดยสวัสดิภาพ แต่ระหว่างนั้นเวนเดททร้าตัวหนึ่งอยู่ด้านหลังของเรียวโดยที่เขาไม่รู้ตัว แต่มันถูกมีดปริศนาพุ่งเข้าไปปักกลางหน้าผากของมันอย่างแม่นยำ เรียวเพิ่งรู้ตัวว่ามีศัตรูอยู่ข้างหลังก็เมื่อมันถูกกำจัดไปเสียแล้ว พบว่าเอ็นสึเกะซึ่งมาจากประตูอีกด้านหนึ่งเป็นเจ้าของมีดเล่มนั้น เขาเดินมาพร้อมกับคิจภัคที่ใช้เครื่องยิงไฟฟ้าขนาดเล็กจัดการกับเวนเดททร้าที่อยู่รอบๆ เรียวเห็นดังนั้นไม่ได้สนใจแล้ววิ่งเข้าประตูไป ตามด้วยมิโนริและเวอร์ดี้ที่ใช้ปืนยิงเวนเดททร้าที่เข้ามาใกล้พร้อมเข้าประตูไปเช่นกัน ตามด้วยเอ็นสึเกะและคิจภัค

เมื่อทุกคนมาสู่จุดหมาย คิจภัคที่เข้าประตูมาเป็นคนสุดท้ายจัดการล็อคประตู ทุกคนเริ่มหายใจได้ทั่วท้องเมื่อสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์นั้นมาได้ในที่สุดแม้ความหวังในตอนแรกจะดูมืดมนเหลือเกิน

“ถ้าไม่มีเธอสองคนคงแย่แน่ๆ ขอบคุณมากๆนะ” โนโซมิก้มหัวขอบคุณมิโนริและเวอร์ดี้อย่างจริงใจ อย่างที่เธอพูด หากไม่มีเธอสองคนล่ะก็ไม่รู้ว่าทุกคนจะเป็นอย่างไรบ้าง

“อ๊ะ!! ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะ” มิโนริมีท่าทีลุกลี้ลุกลนเมื่อโนโซมิซึ่งอายุมากกว่าเธอหลายปีมาก้มหัวให้

“พวกเธอได้ปืนมาจากไหนกันน่ะ?” มิสะถาม

“ชั้นซ่อนปืนไว้ในห้องน่ะ เผื่อยามฉุกเฉิน” เวอร์ดี้ตอบ

“ไม่คิดว่าจะได้ใช้เหมือนกันนะ” เวอร์ดี้พูดต่อ

ทางด้านเรียวเหลือบมองเอ็นสึเกะ คนที่เขาไม่ไว้วางใจมาโดยตลอด แต่เมื่อสักครู่เอ็นสึเกะกลับช่วยเขาไว้ ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่นึกที่อยากจะขอบคุณเอ็นสึเกะเท่าไหร่ ดูเหมือนว่าแค่การที่เอ็นสึเกะช่วยเหลือเขาจากอันตรายจะยังไม่เพียงพอที่จะลบอคติไปจากใจของเรียวได้ เชนดูเหมือนจะรู้สึกได้ว่าเรียวกำลังเหลือบมองเอ็นสึเกะก็ได้แต่เฝ้าดูอยู่ห่างๆ ส่วนทางเอ็นสึเกะนั้นก็ไม่ได้สนใจอะไร บางทีเขาอาจจะไม่รู้ว่าเรียวยังคงจับตาดูเขาอยู่ หรือไม่ก็รู้แต่ทำเป็นไม่สนใจ

“เอาล่ะ... พวกเราไปที่ห้องเก็บอาวุธกันเถอะ” เมื่อมิสะพูดขึ้น ทุกคนก็ต่างทยอยเข้าไปในห้องเก็บอาวุธซึ่งต้องเดินไปอีกนิดหน่อย เมื่อทุกคนมาถึงก็เข้าไปข้างในห้อง อาวุธต่างๆวางเรียงรายรอวันที่จะถูกนำไปใช้ ต่างคนต่างหยิบอาวุธที่ตนเองถนัด มีเพียงคิจภัคและเอ็นสึเกะที่ไม่ได้ไปเลือกอาวุธกับคนอื่น คิจภัคเองดูเหมือนจะมั่นใจกับเครื่องยิงไฟฟ้าซึ่งถูกประดิษฐ์ด้วยน้ำมือตัวเองมาก เอ็นสึเกะเองก็ดูจะชอบที่จะใช้มีดในการต่อสู้มากกว่า ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทั้งสองคนคิดอะไรอยู่ที่ใช้อาวุธแบบนั้นต่อกรกับศัตรูที่มีจำนวนมากกว่าหลายเท่า

“หนูอยากรู้จังว่าหม่าม้าจะใช้อาวุธอะไร” โนโดกะพูดขณะที่กำลังเลือกอาวุธปืนที่เธอมั่นใจว่าถนัดมือมากที่สุด ในขณะที่โนโซมิกำลังสวมเข็มขัดที่มีซองใส่ปืน มิสะก็เดินเข้ามาพร้อมดาบซามูไรที่อยู่ในฝักยาวประมาณสามฟุต และกล่องสีดำสนิทอีกหนึ่งกล่อง

“นี่ค่ะ ของคุณโนโซมิ” มิสะพูดพร้อมยื่นดาบและกล่องให้ โนโซมิยิ้มพร้อมรับดาบและกล่องนั้นมา เหมือนว่าเธอจะคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี เธอวางกล่องลงก่อนแล้วดึงดาบออกจากฝัก เงาสะท้อนของเธอปรากฏบนคมดาบสีเงินแวววาวนั้น เผยให้เห็นใบหน้าที่ยังคงดูอ่อนเยาว์จนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอเป็นคุณแม่วัยสามสิบปลายๆ จากนั้นโนโซมิก็เก็บดาบไว้ในฝักเหมือนเดิม แล้วสอดดาบเล่มนั้นเข้าที่เข็มขัด จากนั้นจึงหันไปเปิดกล่องสีดำสนิทที่วางอยู่ ข้างในเป็นผ้าสักหลาดสีแดงเข้มพร้อมปืนพกกระบอกใหญ่สีเงินวางแน่นิ่งอยู่ในนั้น เธอหยิบขึ้นมาควงอย่างชำนาญ ก่อนที่ยกปืนขึ้นเล็งอากาศด้วยมือขวา แล้วเก็บใส่ซองใส่ปืนที่ติดอยู่กับเข็มขัด

“โซลรีปเปอร์... ซิลเวอร์โรส... คิดถึงจริงๆ” โนโซมิพูดขึ้น

“เท่จัง!!” โนโดกะชื่นชมคุณแม่ของตัวเองด้วยแววตาลุกวาว ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกคนดูเหมือนจะเลือกอาวุธที่ตัวเองชอบได้กันหมดแล้ว

“ถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะกลับไปเป็นผู้ไล่ล่าอีกครั้ง...” มาโมรุที่ถือปืนคู่ประจำตัวพูดขึ้น

“เราจะทำให้พวกมันรู้ว่าที่นี่ใครกันแน่ที่คุมถิ่นนี้...” มิสะพูดพร้อมสะบัดแขน บลัดดี้แมรี่ มีดสั้นอาวุธคู่ใจของเธอก็โผล่ออกมาจากแขนเสื้อ

ถึงเวลาแล้วที่เหล่าเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์จะกลับไปเป็นผู้ไล่ล่าอีกครั้ง...

----------------------------------------------------

ห้องโถงขนาดใหญ่กลายเป็นสมรภูมิรบอีกครั้ง แต่คราวนี้ดูเหมือนบทบาทจะถูกสลับกันเล็กน้อย เมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ต่างใช้อาวุธของตัวเองจัดการกับฝูงเวนเดททร้าอย่างไร้ความปราณี

โนโซมิดึงดาบซามูไรที่เธอเรียกว่า “โซลรีปเปอร์” ออกมา แล้วตวัดฟาดฟันเวนเดททร้าที่เข้ามาใกล้ เพลงดาบของเธอดูร้ายกาจยิ่งนัก มองเผินๆเหมือนเธอกำลังเต้นรำอยู่ในห้องบอลรูม แต่สำหรับสายตาของเวนเดททร้าที่เผชิญหน้ากับเธอนี่คงไม่ต่างอะไรกับระบำแห่งความตาย ดาบของเธอปักเข้าที่ร่างของเวนเดททร้าตัวหนึ่ง เปิดโอกาสให้เวนเดททร้าอีกตัวพุ่งเข้ามาโจมตี แต่เหมือนมันจะลืมไปว่าที่เอวของเธอมีปืนพกคู่ใจสีเงินที่ถูกเรียกว่า “ซิลเวอร์โรส” อยู่ เธอใช้มือขวากระชากปืนพกกระบอกนั้นออกจากซองปืนอย่างรวดเร็วและยิงใส่เวนเดททร้าที่พุ่งเข้ามา แรงสะท้อนของปืนกระบอกนี้รุนแรงและหนักหน่วง เช่นเดียวกับความรุนแรงของกระสุนที่หนักหน่วงไม่แพ้กันจนถึงกับทำให้เวนเดททร้ากระเด็นไปกระแทกของกำแพงห้องโถงอีกฝั่ง เมื่อเป้าหมายถูกกำจัดเธอก็เก็บปืนลง แล้วหันไปกระชากดาบในมือซ้ายที่ปักบนร่างของเวนเดททร้าออก ก่อนที่จะลงดาบใส่มันอีกครั้งจนร่างของมันถูกผ่าเป็นสองส่วน ดูเหมือนยิ่งดาบเล่มนี้ได้กำจัดศัตรูเท่าไหร่ มันก็เริ่มมีพลังมากขึ้น ราวกับว่ามันดูดวิญญาณของศัตรูมาใช้เป็นพลังงานยังไงยังงั้น

ในระหว่างนั้นเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะๆ มาจากโนบุฮิเดะซึ่งถือเครื่องยิงระเบิดที่มีรังสีสีเขียวล้อมรอบ มันคือเซเว่น อาวุธแปลกประหลาดที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้มากมาย ซึ่งเขาเคยใช้มันช่วยเหลือพวกมิสะตอนที่ปฏิบัติภารกิจที่อาคารร้าง จากนั้นเครื่องยิงลูกระเบิดของโนบุฮิเดะกลายเป็นเครื่องยิงจรวดมิสไซส์ขนาดใหญ่ โดยมีรังสีสีม่วงครอบคลุมอยู่ เสียงผู้ชายดังออกมาจากอาวุธชิ้นนั้นว่า “ไพรด์” ก่อนที่โนบุฮิเดะจะเหนี่ยวไก จรวดมิสไซส์พุ่งออกจากปากกระบอกปืนพร้อมเสียงแหวกอากาศดังสนั่น มิสไซส์ลูกนั้นพุ่งเข้าหาเวนเดททร้าที่อยู่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว แรงระเบิดทำให้เวนเดททร้าที่อยู่รอบๆถูกลูกหลงไปด้วย ส่วนตัวที่โดนมิสไซส์ไปเต็มๆนั้นคงไม่ต้องพูดถึงว่ามีสภาพอย่างไร

“แกจะระเบิดตึกหรือไงวะ!!” มิคาโดะตะโกน เขาถือปืนพกในมือขวาและมีดในมือซ้าย

“งั้นเอาแบบนี้ก็ได้” เมื่อโนบุฮิเดะพูดจบ ปืนยิงมิสไซส์ของเขาเปลี่ยนเป็นระเบิดแฟลชซึ่งมีรังสีสีส้มล้อมรอบ พร้อมเสียงผู้ชายดังขึ้นมาว่า “กลัตโทนี่” โนบุฮิเดะโยนระเบิดแฟลชไปที่กลางห้อง พร้อมตะโกนว่า “หลบ” เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างเบือนหน้าหนีแสงจ้าที่เกิดจากระเบิดแฟลช เมื่อทุกคนหันกลับมาก็พบว่าเหล่าเวนเดททร้าทั้งหลายต่างหยุดชะงัก เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ทุกคนจัดการกับศัตรูได้อย่างง่ายดาย

“แสงมันเข้าตานะเว้ยไอ้บ้าเอ้ย!!” มิคาโดะโวยวายอีกครั้ง พลางใช้อาวุธในมือทั้งสองข้างจัดการกับเวนเดททร้าที่หยุดชะงักจากฤทธิ์ของระเบิดแฟลช

“เรื่องมากจริงๆ” โนบุฮิเดะพูดแบบเซ็งๆ

“พวกมันเริ่มน้อยลงแล้ว ออกไปจากตึกเร็ว!!” มิสะตะโกนเสียงดังลั่น

“โนบุฮิเดะ คิจภัค เอ็นสึเกะ ไปพาผู้บาดเจ็บที่ห้องพยาบาลมาให้หมด อยู่ในตึกนี้ไม่ปลอดภัยแน่ๆ” มิสะสั่งการ ผู้รับคำสั่งทั้งสามพยักหน้าพร้อมวิ่งไปยังห้องพยาบาล ส่วนที่เหลือต่างวิ่งไปที่ประตูทางออก ผ่านห้องรับรองซึ่งมีเคาท์เตอร์ประชาสัมพันธ์ ปกติแอชลีย์จะประจำการอยู่ที่นี่ตลอด แต่ตอนนี้เธอกำลังช่วยงานหมอจุนที่ห้องพยาบาล และคาดว่ากำลังจะตามมาสมทบภายหลัง

ในที่สุดทุกคนก็ออกมาจากตึกของศูนย์บัญชาการได้สำเร็จ สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดของเหล่าเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์กลับกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดไปซะแล้ว แต่ทว่าสภาพแวดล้อมภายนอกทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนถึงกับตาค้างด้วยความตกตะลึง

ปรากฏเป็นลักษณะคล้ายคลื่นน้ำวนขนาดยักษ์บนอากาศ มันเป็นสีแดงเหมือนเลือด เหล่าวิญญาณร้ายทะลุมาจากคลื่นน้ำวนนั้นเรื่อยๆดูไม่มีสิ้นสุด มันพุ่งตัวออกมาอย่างไร้ทิศทาง คลื่นน้ำวนนั้นเหมือนกับประตูสู่สถานที่บางแห่งที่ไม่มีใครรู้ แต่มันคงไม่ใช่สถานที่ที่ดีแน่ๆ

แต่นั่นยังไม่น่าตกตะลึงเท่ากับสภาพแวดล้อมโดยรอบของพวกเขา ต้นไม้รอบๆเหี่ยวเฉา... แล้วมันก็กลับมาเขียวชอุ่มเหมือนเดิม... ก่อนที่มันจะเหี่ยวเฉาอีกครั้ง... สิ่งก่อสร้างโดยรอบผุพัง... แล้วมันก็กลับมาเหมือนใหม่... แล้วมันก็กลับไปผุพังเหมือนเดิม สลับกันไปมาอยู่แบบนั้น

ภาพที่เห็นนั้นสะกดให้ทุกคนหยุดนิ่งเป็นหินราวกับถูกคำสาปของเมดูซ่า...

“นี่มัน... บ้าอะไรกัน...” มิสะพูดตะกุกตะกักด้วยความตกตะลึงสุดขีด ใบหน้าเธอซีดเผือด ไม่แพ้คนอื่นๆที่ต่างยืนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก แม้พวกเขาจะเคยบุกตะลุยกับเหล่าผีวิญญาณและสิ่งเหนือธรรมชาติมามากมาย แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้ามันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อนในชีวิต

“เหมือนมิติมนุษย์และวิญญาณกำลังสลับกันไปมา...” โนโซมิพูดขึ้นเมื่อเริ่มตั้งสติได้

“เหมือนกับว่ามิติทั้งสองกำลังจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว...” โนโซมิพูดต่อ

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็แย่น่ะสิ” มิสะพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สีหน้าของเธอยังคงดูไม่โอเคเลยแม้แต่น้อย

“ไม่แย่หรอก... นรกเลยต่างหากล่ะ...” โนโซมิพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ ชวนให้สถานการณ์ที่เลวร้ายยิ่งดูเลวร้ายหนักกว่าเก่า โนโดกะกอดแขนคุณแม่ของเธอแน่น สถานการณ์ที่เหล่าเจ้าหน้าที่เกือบโดนวิญญาณร้ายเล่นงานกลายเป็นแค่อุบัติเหตุลื่นหกล้มเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่อยู่ภายนอก

นี่คงเป็นครั้งแรกที่พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป...

----------------------------------------------------


----------------------------------------------------

Ghost Hunter Archives

Weapon Data #11 Silver Rose
ซิลเวอร์ โรส คืออาวุธประจำตัวของโนโซมิ ดัดแปลงจากปืนพก Desert Eagle ใช้กระสุนขนาด .50 เป็นปืนพกที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความรุนแรงสูงมาก รวมทั้งมีแรงสะท้อนกลับที่รุนแรง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้ใช้เสียเองหากไม่ชำนาญ สำหรับโนโซมิจะใช้อาวุธนี้เป็นอาวุธหลักในการยิงเหล่าวิญญาณในระยะปานกลางถึงไกล นอกจากนี้ยังถูกดัดแปลงให้สามารถยิงได้ทีละสามนัดแต่แรงสะท้อนจะหนักหน่วงจนไม่อาจควบคุมทิศทางกระสุนได้

Weapon Data #12 Soul Reaper
โซลรีปเปอร์ คืออาวุธประจำตัวอีกชิ้นของโนโซมิ มีลักษณะเป็นดาบคาตานะยาวประมาณ 3 ฟุตกว่าๆ มีความรวดเร็วและคล่องตัวในการใช้สูง อีกทั้งเมื่อใช้จัดการกับวิญญาณแล้ว ดาบเล่มนี้จะดูดซับพลังงานของวิญญาณมาใช้ ทำให้ดาบมีความแข็งแกร่งมากขึ้นทุกครั้งที่ถูกใช้กำจัดวิญญาณ ก่อนที่พลังงานเหล่านั้นจะหายไปเมื่อไม่ได้ถูกใช้เป็นระยะเวลานานๆ จึงเป็นที่มาของชื่อโซลรีปเปอร์ และถือว่าเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพสูงที่สุดในบรรดาอาวุธทั้งหมดของเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Ghost Hunter : Chapter 11 "Grotesque Cycle"
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Ghost Hunter : Chapter 2 "Operation Ghost Hunter"
» Ghost Hunter : Chapter 5 "In Trouble"
» Ghost Hunter : Chapter 8 "Unexpected Encounter"
» Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion"
» Ghost Hunter : Chapter 10 "Bloody Banquet"

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: