มันก็เป็นวันธรรมๆดาอีกวันนึง เคนลุกขึ้นมาจากเตียงนอนก่อนจะทำธุระของเขาเช่นเคย เด็กหนุ่มผมน้ำตาลหยิบเอาเสื้อนักเรียนของตัวเองก่อนจะสวมไว้ ในขณะที่เขาสวมชุดนักเรียนนั้นเขาก็ยังคงคิดถึงเรื่องที่เขาได้ยินจากปากของฟูจิวาระ มันเป็นเรื่องที่สับซ้อนมาก และเขาก็สับสนไปหมดว่าสิ่งที่เขาได้ยินจากปากชายผมดำกับสิ่งที่สื่อนำเสนออันไหนเป็นเรื่องจริงกันแน่ ไม่นานนักชายผมน้ำตาลก็ใส่เครื่องแบบของคิโบว กาคุเอ็นเสร็จ ชายหนุ่มผมน้ำตาลเดินลงมาจากบันไดชั้นสองช้าๆ เสียงฝีเท้าที่เหยียบบนบันไดดังขึ้นเรื่องๆ ในหัวของเคนนั้นยังคงคิดถึงเรื่องราวที่เขาได้ยิน ในขณะที่เขาเดินอยู่นั้น เขาก็หยุดก่อนจะหยิบมือถือขึ้นมา เขาเริ่มเขียนข้อความขึ้นมาและเมื่อเขาเขียนเสร็จเขาก็กดส่งไปยัง “รุ่นพี่อาคาเมะซากิ”
”รุ่นพี่เผอิญจะรู้จัก คาวากุจิ มานามิ รึเปล่าครับ?”
เมื่อเคนส่งข้อความไปแล้วเขาก็ก้าวเท้าลงมาจากบันไดก่อนจะตรงไปที่โต๊ะอาหาร เขานั่งลงไปก่อนจะเริ่มกินข้าวเช้า ในขณะที่เขากำลังหั่นไข่กวนของเขา มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาก็สั่นขึ้นมา เคนล้วงหยิบเอามือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบออกมาดู บนหน้าจอนั้นมีข้อความขึ้นมาว่า “มีหนึ่งข้อความ” เขาก็พอเดาได้นั่นแหละว่าใครเป็นคนส่งข้อความมา เมื่อเจ้าของมือถือกดเข้าไปนั้น เขาก็เห็นข้อความจาก “รุ่นพี่อาคาเมะซากิ” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลไม่ลังเลที่จะกดเข้าไปดูว่ารุ่นพี่ผมสีส้มจะส่งอะไรมาให้ตัวเอง
”รู้จักซิ ทำไมหรอ?”
เคนเห็นข้อความแล้วก็เตรียมจะพิมพ์ตอบ เขาใช้นิ้วของเขากดบนแป้นพิมพ์ หากทว่าเขาเขียนไปได้พักหนึ่งแล้ว เขาก็ตัดสินใจลบข้อความของเขาทิ้งทั้งหมด สิ่งที่เขากำลังจะเขียนนั้นมันเป็นเรื่องที่เขาได้ยินจากฟูจิวาระ แต่ถึงกระนั้นในวินาทีนี้เขาก็ไม่รู้ว่ามันจริงรึเปล่า เขาลบข้อความของเขาจนหมด ก่อนจะเขียนข้อความใหม่ไปแทนก่อนจะกดส่งไป
”ไม่มีอะไรครับ ขอบคุณมากครับ”
เมื่อเขาส่งข้อความไปแล้วเขาก็มองขึ้นมาก่อนจะเห็นแม่ของเขาจ้องด้วยสีหน้าไม่พอใจเท่าไหร่ เคนรีบกล่าวขอโทษก่อนจะเก็บมือถือของเขาเข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้ง ที่บ้านหลังนี้มีกฎอยู่ว่าเวลากินข้าวต้องกินข้าวเท่านั้น ห้ามเล่นโทรศัพท์มือถือหรือดูโทรทัศน์เป็นอันขาด เคนรีบกินอาหารเช้าของเขาให้เสร็จก่อนจะรีบออกจากบ้านเพื่อมุ่งไปยังคิโบว กาคุเอ็น วันนี้ก็นเป็นที่ท้องฟ้าปลอดโปร่งเช่นเคย ไร้ซึ่งก้อนเมฆและไร้ซึ่งดวงตะวัน ลมอ่อนๆพัดผ่านใบหน้าของเขา ชายหนุ่มผมน้ำตาลก้าวเท้าของเขาไปเรื่อยๆ เสียงฝีเท้าของเขาดันเป็นจังหวะเดียวกันกับเหล่านักเรียนที่มุ่งไปทางเดียวกันกับเขา ในขณะที่เขากำลังก้าวเท้าอยู่นั้นเขาก็เหลือบเห็นชายร่างโย่งที่ดูเด่นกว่าคนทั่วไปเดินอยู่ด้วย ดูจากข้างหลังแล้วเขาก็เห็นเส้นผมของเขาที่ออกสีแดง เขารู้ทันทีว่าชายคนนี้คือใคร เคนรีบวิ่งไปข้างๆชายคนนี้ก่อนจะเอ่ยปากทักทาย
“สวัสดี คุณโยโรอิ”
“อืม สวัสดีคุณทานากะ” ชายผมแดงตอบด้วยน้ำเสียงอันแสนจะเฉื่อยชา ตาของเขาไม่ได้มองมายังเคนด้วยซ้ำ
“แผลตอนที่เราไปทำขนมที่บ้านของคุณโอคาเบะเป็นยังไงบ้าง?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร
“ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ” เขาตอบสั้นๆด้วยน้ำเสียงแบบเดิมและเช่นเดิมไม่ได้ก้มมองชายร่างเล็ก
ปกติแล้วโยโรอิ เก็นซุยก็เป็นคนแบบนี้แหละไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่ หลังจากที่เขาตอบคำถามของเคนแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทั้งคู่ยังคงเดินต่อไปจนถึงจุดมุ่งหมายของตัวเอง นั่นก็คือโรงเรียนที่อาคารสีขาวและต้นซากุระที่ตั้งเรียงกัน บนพื้นนั้นก็ยังคงเต็มไปด้วยกลีบซากุระที่ถูกสายลมพัดผ่านออกมาจากกิ่งต้นซากุระ ชายหนุ่มร่างเล็กกับชายหนุ่มร่างสูงเดินตรงเข้าไปในอาคาร เคนเดินเข้าไปก่อนจะถอดรองเท้าของเขาและเปิดตู้เก็บรองเท้าที่มีชื่อของเขาติดอยู่ เมื่อเขาเปิดตู้รองเท้าของเขาแล้ว เขาก็พบสิ่งแปลกปลอมที่อยู่ข้างใน เคนหยิบมันออกมาดู มันเป็นซองจดหมายสีชมพู ครั้งล่าสุดที่เขาได้จดหมายแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เคนหยิบซองจดหมายออกมา เขาเปิดซองจดหมายก่อนจะดึงกระดาษที่อยู ชายหนุ่มผมน้ำตาลยืนกวาดสายตาอ่านข้อความที่อยู่บนกระดาษแผ่นนี้
”สวัสดีค่ะ...ชั้นชอบคุณทานากะมาตั้งนานแล้ว แต่ชั้นไม่กล้าบอกคุณต่อหน้าคนเยอะๆ ช่วยมาพบกับชั้นตอนหลังเลิกเรียนที่หลังโรงยิมได้ไหมคะ?”
นั่นคือข้อความทั้งหมด ไม่มีการลงชื่อไว้ด้วย และแน่นอนสถานที่ที่นัดไว้ก็เป็นสถานทีที่เขาไม่อยากจะไปเท่าไหร่ เพราะเขาเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีกับจุดนั้นเท่าไหร่ เขาเอาจดหมายรักนี้ลงใส่กระเป๋าก่อนจะเก็บรองเท้าเข้าตู้ ชายหนุ่มผมน้ำตาลเดินตรงไปยังห้องของเขา ชายหนุ่มร่างบางเปิดประตูห้องก่อนจะตรงไปนั่งที่ประจำ ข้างๆของเขาก็ยังมีชายผมน้ำเงินที่นอนอยู่ มันเป็นภาพที่สามารถเห็นได้ตามปกติ เคนหันไปมองแปปนึงก่อนจะหันกลับมาก้มมองไปที่กระเป๋า พูดว่าก้มมองกระเป๋าก็ไม่ถูกนัก สิ่งที่เขาคิดถึงคือ “จดหมายรัก” แน่นอนเคนรู้สึกว่าน่าจะเป็นแค่การแกล้งกันเล่นมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็คิดว่าเขาก็ไม่ควรจะปล่อยให้คนเขียนจดหมายฉบับนี้ยืนรอตัวเขา เพราะถ้าหากมันเป็นเรื่องจริงขึ้นมา มันก็คงเป็นเรื่องที่เสียมารยาทไม่น้อยเหมือนกัน
เคนมองไปทางด้านซ้ายของเขาก่อนจะเห็นฟูจิวาระนั่งอยู่ เรื่องที่เขาเล่านั้นไหลกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง มันยิ่งทำให้เขาสงสัยว่าทั้งหมดเป็นเรื่องจริงรึเปล่า แต่อย่างน้อยๆผู้หญิงที่ชื่อ “คาวากุจิ มานามิ” นั้นเป็นคนที่มีตัวตนอยู่จริง ไม่ใช่คนที่เขาแต่งขึ้นมาเอง ในขณะที่สมองของเขากำลังทำตัวเป็นนักสืบอยู่นั้น เสียงระฆังก็ดังขึ้น และดึงสติของเขากลับมาอยู่กับโลกความเป็นจริง เสียงประตูหน้าห้องเลื่อนขึ้นก่อนที่อาจารย์โซเรียวจะเดินเข้ามาแบบทุกๆวัน ทุกคนลุกขึ้นตามเสียงของหัวหน้าห้องและก้มโค้งให้กับเขา ทุกคนนั่งลงเกือบพร้อมๆกัน ก่อนที่กิจวัตรประจำวันที่จำเจจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดเวลาเลิกเรียนก็มาถึง เคนเริ่มเก็บกระเป๋าของเขา ในตอนที่เขาเก็บกระเป๋านั้น เขาก็นึกถึงจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา เคนกล่าวบอกลากับคันจิ แต่ไม่รู้ว่าเขาได้ยินรึเปล่า เพราะเขากำลังหลับอยู่ เคนถือกระเป๋าของเขาก่อนจะเดินไปหยิบรองเท้าของเขาและใส่มันเข้าไป ชายหนุ่มเดินออกจากโรงเรียน เสียงรองเท้าผ้าใบของเขาเหยียบลงบนพื้นดินนั้นดังขึ้นเป็นจังหวะๆ เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่เริ่มแปรเปลี่ยนไปช้าๆ ในที่สุดนั้นชายหนุ่มคนนี้ก็มาถึงจุดมุ่งหมายของเขา ภาพตอนที่เขาเจอกับอากิยาม่ามันก็ไหลกลับเข้ามาในหัวของเขา มันเป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่
ในที่สุดเขาก็มาถึงหลังโรงยิม ภายในนั้นมีเสียงของเหล่าชมรมศิลปะการต่อสู้ดังออกมาเป็นระยะๆ ก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ปกติแล้วเหล่าชมรมศิลปะการต่อสู้จะไม่ได้ฝึกที่โรงยิมนี้แต่จะฝึกที่สำนักที่ตั้งห่างออกไปพอสมควร แต่เอาเถอะมันคงไม่เกี่ยวกับเขาหรอก เขาเดินอ้อมโรงยิมไป ก่อนที่เขาจะเห็นผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ เมื่อเคนเห็นใบหน้าของเธอนั้น เขาก็รู้สึกทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องดีแน่ เพราะใบหน้าของเธอนั้นเป็นใบหน้าที่เขารู้จักดี....ใช่ มันคือใบหน้าของผู้หญิงคนนึงที่อยู่ในกลุ่มที่ชอบแกล้งฟูจิวาระ ในขณะที่เคนจะหันหลังกลับและเดินจากไป เขาก็เห็นผู้หญิงอีกสองคนล้อมไว้
“นายนี่เหมือนไอ้สวะฟูจิวาระไม่มีผิด อยากหญิงจนตัวสั่นล่ะซิ?” ผู้หญิงที่ยืนรอเคนพูด
“ถ้างั้นก็ให้มันเป็นหญิงเองเลยซิ” ผู้หญิงที่ยืนด้านหลังคนนึงพูดต่อจากเธอ
พวกเธอเริ่มขยับก่อนจะล้อมชายคนนี้ไว้ไม่ให้ไปไหน พวกเธอกดร่างของเคนลงไปกับพื้นหน้าของเคนนั้นสัมผัสกับพื้นหญ้า แรงกระแทกนั้นสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาไม่น้อย เคนพยายามจะดิ้นแต่ด้วยจำนวนที่น้อยกว่าและเคนก็ไม่ใช่ผู้ชายที่แรงเยอะอยู่แล้ว จึงทำให้เขาไม่สามารถดิ้นหลุดออกจาไปพันธนาการคราวนี้ได้ เคนพยายามจะดิ้นแต่ยิ่งดิ้นเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกได้ว่าความพยายามของเขานั้นไร้ผลเท่านั้น เขาถูกผู้หญิงสามคนที่รวมกันแล้วมีแรงมากกว่าเขาพลิกตัว เคนนอนหงายก่อนจะเห็นใบหน้าของผู้หญิงทั้งสามคนมองเขาด้วยสายตาน่ากลัว
“ชั้นว่าถ้าเอาหมอนี่มาแต่งหญิง ก็คงจะน่ารักไม่น้อยเลยนะ เผลอๆจะน่ารักกว่าผู้หญิงบางคนอีก” ผู้หญิงคนนึงในกลุ่มเสนอ
“นั่นซินะ เธอเอากระโปรงมาเผื่อรึเปล่า?” ผู้หญิงอีกคนตอบก่อนจะมองไปที่กางเกงของเคน
“เอามาซิ” คนที่ถูกถามตอบพร้อมกับหยิบกระโปรงขึ้นมาจากกระเป๋าที่เธอเตรียมมาด้วย
เธอเอื้อมมือก่อนจะปลดตะขอของเคนและเตรียมจะดึงกางเกงของเขาลงเพื่อเปลี่ยนเป็นกระโปรง เคนพยายามจะดิ้น แต่ผลมันก็ยังออกมาเป็นเหมือนเดิม สามสาวเห็นเคนยิ่งต่อต้านมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งทำให้พวกเธอรู้สึกชอบใจมากเท่านั้น พวกเธอดึงกางเกงของเคนลงมาช้าๆก่อนจะยกมือถือขึ้นเตรียมถ่ายเมื่อสวมกระโปรงให้กับชายหนุ่มคนนี้เสร็จแล้ว เคนหลับตาปี๋เตรียมรับชะตากรรมอันโหดร้ายที่รอเขาอยู่
“หยุดเดี๋ยวนี้!!” เสียงผู้ชายคนนึงดังขึ้นมา
ผู้หญิงสามคนหันไปก่อนจะเห็นหัวหน้าชมรมศิลปะการต่อสู้ยืนอยู่ด้วย เขากอดอกและมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ ดูเหมือนสิ่งพวกเธอทำจะเป็นสิ่งที่คิโยชิรับไม่ได้เท่าไหร่ สามสาวรีบลุกขึ้นมาก่อนจะมองก้มหน้าเมื่อเห็นใบหน้าของคิโยชิที่ไม่พอใจก็รีบก้มหน้าและเดินผ่านไป เคนรอดตายไปสำหรับวันนี้เขาลุกขึ้นมาก่อนจะสวมกางเกง คิโยชิยื่นมือให้กับเคน เคนรับไว้ก่อนที่คิโยชิจะดึงร่างของเคนขึ้นมา
“ขอบคุณมากครับ รุ่นพี่มาซาฮิโระ” เคนพูดพลางก้มโค้งให้
“ไม่เป็นไร...ว่าแต่เกิดไรขึ้น พอจะเล่าให้ฟังได้ไหม”
เคนพยักหน้าก่อนจะเล่าให้ฟัง เขาเล่าตั้งแต่ที่เขาเข้าไปช่วยฟูจิวาระจนไปถึงเรื่องตอนนี้ คิโยชิที่ยืนอยู่ก็ได้แต่พยักหน้า เมื่อเคนเล่าจบนั้นคิโยชิก็ไม่ได้พูดอะไร แน่นอนว่าเคนไม่ได้เล่าถึงเรื่องที่เขาได้ยินจากปากของฟูจิวาระ ไม่ทันที่ชายผมสีทองจะได้เอ่ยปากอะไร เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครออกวิ่งไป เคนกับคิโยชิรีบวิ่งไปตามเสียงก่อนจะเห็นหลังของผู้ชายคนนึงวิ่งไป ดูจากเบื้องหลังก็มองออกว่ามันเป็นแผ่นหลังของฟูจิวาระ
“ฟูจิวาระ!! เดี๋ยว!!” ชายผมดำตะโกนตามเสียงไป
หากทว่าเสียงนั้นก็ไม่ได้หยุดชายผมสีดำแต่ประการใด
=====
เช้าวันต่อมาเยือน เคนเดินไปยังคิโบว กาคุเอ็นเหมือนทุกๆวัน อีกไม่กี่วันแล้ว การแข่งขันการทำขนมระดับจังหวัดจะเริ่มขึ้น นี่เป็นโอกาสที่จะช่วยให้ชมรมวิจัยขนมหวานรอดจากการถูกยุบได้ แต่ถึงอย่างนั้นนั่นก็ไม่ใช่เรื่องเดียวที่เขาคิด เขาคิดถึงเรื่องของฟูจิวาระเมื่อวาน เขาไม่รู้ว่าที่เขาวิ่งไปเพราะอะไร เพราะความรู้สึกผิดที่ต้องลากเขามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยหรือ? เคนเองก็หาคำตอบไม่ได้ หากทว่าเขาก็หยุดลงเมื่อเขาเห็นนักเรียนมากมายที่ยืนมุงประตูรั้ว เคนได้แต่ทำหน้างงๆ เสียงฮือฮานั้นดังกึกก้องไปทั่ว ด้วยความตัวเล็กของของจึงทำให้เขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่แค่นักเรียนเท่านั้นที่ยืนบังประตูทางเข้า แต่ยังมีตำรวจจอดอยู่ เกิดอะไรขึ้นนะ? เคนยิ่งสงสัยกว่าเดิม ชายหนุ่มร่างเล็กใช้นิ้วอันเรียวเล็กของเขาจิ้มไปที่แขนเสื้อของผู้ชายคนนึงที่อยู่ใกล้ๆกับเขา
“เอ่อ...พอจะบอกผมได้ไหมครับ ว่าเกิดอะไรขึ้น” เคนถาม
“อ่อ พอดีมีคนกระโดดลงมาน่ะ”
เคนได้ยินก็ดวงตาเบิกโพลนด้วยความตกใจ ถึงแม้เคนจะไม่รู้ก็ตาม แต่เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นในรั้วโรงเรียนคงไม่ใช่เรื่องดีเลยแม้แต่น้อย เขาก็ได้แต่ภาวนาว่าคนที่มีปัญหานี้จะปลอดภัยดี และมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อแก้ปัญหาต่อๆไป แต่ถึงอย่างนั้นเคนก็เอ่ยปากถามต่อด้วยความสงสัย
“แล้วคนที่กระโดดนี่ใครหรอครับ?”
เขาเงียบไปพักนึงก่อนจะพูด
“ฟูจิวาระ ทาดาโยชิน่ะ...”