เพลงประกอบการอ่านค่าVIDEO ท่ามกลางหยาดฝนที่โปรยปราย ท้องฟ้ามืดสนิท ลมหนาวเคลื่อนผ่านเป็นระรอก นกน้อยต่างโผยบินกลับรัง เป็นบรรยกาศที่อึมครึมและหนาวเหน็บ ทุกอย่างเปียกแฉะ ผู้คนต่างกางร่มของต้นเพื่อ บังน้ำฝนที่ตกลงมาจากฝากฟ้าและเอ่ยปากบ่นสภาวะอากาศที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้พลินี้ได้ ลูกสุนัขหาที่พักพิงชั่วคราวเพื่อหลบฝน ร้านค้าเริ่มปิดทำการ ผู้คนเข้าไปหลบในบ้านของตน ที่โรงเรียนแห่งอีกาแห่งนี้ก็ไม่ต้องกัน นักเรียนที่ยังอยู่ต่างกางร่มที่ตนเองพกมาก่อนจะเดินออกจากโรงเรียน ที่ด้านหลังของโรงยิมโรงเรียนซูซูรันแห่งนี้ ชายผมแดงคนหนึ่ง ท่อนบนเปลือยเปล่ามีผ้าพันแผลพันบางส่วนที่ใบหน้าและลำตัว และมีที่ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฝกช้ำและเลือด รวมถึงแผลเก่าที่ถูกเปิดออก ซึ่งกำลังถูกชำระล้างด้วยน้ำฝนที่โปรยปรายต่อเนื่อง ชายผมแดงหอบถี่ออกมาเป็นควันกระทบกับความเย็นของอากาศในขณะนี้ด้วยความเหนื่อยล้าและอ่อนแรง แต่สายตาของเขาไม่ฉายความอ่อนแอเหล่านั้นออกมาแม้แต่น้อย มันยังคงแน่วแน่ มองตรงไปข้างหน้า มองไปที่ศัตรูจำนวนสามคนที่กำลังยืนล้อมเขาอยู่ ห่างๆ และรอบๆมี พวกมันราวๆหกคน ที่โดนเขาอัดจนสลบไปนอนอยู่ไม่ใกล้นักและนอกวงล้อมนั้นมีชายหนุ่มสองคนยืนถือร่มมองดูการต่อสู้อยู่ คนหนึ่งเป็นชายร่างใหญ่หน้าตาโหดและมีแววตาที่เย็นชา เจ้าของฉายา’รถถัง’ โอนิชิม่า ยามะ และอีกคนเป็นชายหุ่นนายแบบ หน้าตาจัดว่าใช้ได้ ผมสีดำยาวประต้นคอที่ทำให้เขาดูดีและถูกเซ็ทออกมาเรียบง่ายแต่มีสไตล์ ดวงตาที่ฉายแววความทะเยอทะยาน และใบหน้าที่เปื้อนยิ้ม ชายคนนี้คือ เคนตะ โทชิโร่ ศัตรูปัจุบันของอายาเมะหรือชายผมแดงคนนั้น “รู้ผลแล้วหล่ะ” โทชิโร่พูดขึ้นกับชายร่างใหญ่เบาๆ ยามะไม่ตอบ พลางพยักหน้าก่อนจะหันไปการต่อสู้ในวงล้อมที่กำลังดูเชิงกันอยู่ ‘เจ้าพวกนี้มันอะไรกัน’ อายาเมะคิดในใจขณะสำรวจคู่ต่อสู้ของเขาทั้งสามคนซึ่งแต่งตัวได้แปลกประหลาดเอามากๆ โดยทุกคนสวมชุดเครื่องแบบซูซูรันและสวมหมวกไอ้โม่งแดงปิดทั้งหน้าไม่มีช่องแม้แต่ที่ตาที่ ต่างกันตรงที่หน้าผากมีตัวอักษรสีดำภาษาอังกฤษ ตัว T –N – T ปักไว้ต่างกันในแต่ละคน “สามพี่น้อง “TNT” ไม่นึกว่าแกจะเอาพวกมันมาเป็นพวกได้” ยามะพูดขึ้นลอยๆ ด้วยแววตานิ่งๆที่ดูยากว่ากำลังรู้สึกอย่างไร สามพี่น้อง “TNT” ประกอบด้วย นางาโตะ โทโมะยะ และโทรุ ทั้งสามคือแฝดนักเรียนปีสองของซูซูรันที่ไม่เคยเข้ากับฝ่ายใดมาก่อน ถึงแต่ละคนจะมีฝีมือการต่อสู้ไม่สูงมากนัก แต่เพราะทีมเวิร์คของทั้งสามทำให้ไม่เคยแพ้ในการต่อสู้มาก่อนถ้าทั้งสามอยู่ด้วยกัน และเหตุที่ไม่เคยมีใครเอาทั้งสามมาเป็นพรรคพวกได้ ไม่ใช่ว่าทั้งสามอ่อนแอจนไม่มีใครอยากได้เข้าร่วมกลุ่ม แต่เป็นเจตจำนงของทั้งสามเองที่ไม่ยอมเข้ากับฝ่ายใด และจัดการพวกที่มาชวนได้อย่างราบคาบจนไม่มีใครกล้ายุ่ง และแน่นอนว่ารถถังที่บ้าบิ่นอย่างเขาก็เคยชวนทั้งสามเข้าร่วมเป็นพวก แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี แต่เด็กปีหนึ่งที่เปิดเรียนมาวันแรกก็สามารถเอาทั้งสามมาเป็นพวกได้ทั้งๆที่เขาพยายามแทบตายในสมัยก่อน ยิ่งคิด ชายร่างใหญ่ก็ยิ่งตระหนักได้ถึงความน่ากลัวของหัวหน้าของตน ชายที่เขาจำเป็นต้องยอมเป็นพวกด้วยเหตุผลบางอย่าง อายาเมะจ้องทั้งสามอย่างหวาดระแวง เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่น่ากลัวที่แผ่ออกมาจากทั้งสาม ทำให้ไม่ลงมือก่อนเพื่อ พักเหนื่อยและประเมินสถานการหลังจากความเหนื่อยล้าและเข้าเจ็บปวดจากบาดแผลสะสมเริ่มทำให้เสียสมาธิ เช่นเดียวกับชายทั้งสามคนที่ยืนอย่างสบายๆท่ามกลางสายฝนเพื่อรอจังหวะอะไรบางอย่างเหมือนไฮยีน่าที่กำลังรอจังหวะสังหารเหยื่อที่อ่อนแรงโดยที่ทั้งสามไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น มันเป็นกลยุทธ์การล่าเหยื่อง่ายๆที่ปล่อยให้เหยื่อต่อสู้กับพวกลิ่วล้อที่มีอาวุธหลายคนด้วยตัวคนเดียวก่อนที่จะรอจังวะที่ดีที่สุดในการจัดการขั้นเด็ดขาด….ทั้งหมดนี้เป็นแผนสกปรกของชายที่กำลังยืนถือร่มหลบฝนดูการต่อสู้อยู่ห่างๆด้วยความพอใจ และการที่ทั้งสามยืนนิ่งไม่ทำอะไรยิ่งทำให้ชายผมแดงสับสน… พวกมันน่าจะเข้ามาซ้ำเขาที่กำลังบาดเจ็บอยู่ ไม่ควรจะปล่อยให้เขาพักเหนื่อยเอาแรงอยู่แบบนี้ ความระแวงยิ่งเข้ามาปลกคลุมความคิดของอายาเมะเรื่อยๆ และทำให้สมาธิเฉียบคมมากขึ้น… เพียงแต่ว่า อายาเมะเป็นมนุษย์ธรรมดาไม่ใช่ยอดมนุษย์ที่ไม่เหนื่อยสามารถใช้ร่างการได้เรื่อยๆ การที่เขาเพ่งสมาธิไปที่การต่อสู้เป็นเวลานานๆเริ่มส่งผลเสียอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้เขากดดัน และเหนื่อยล้ามากขึ้น บวกกับบาดแผลที่สะสมมาตั้งแต่สงครามปีหนึ่งและการต่อสู้ของเขากับพวกลิ้วล้อที่เขาอัดพวกมันสลบไปจนเหลือเจ้าสามโม่งที่เพิ่งโผล่มาและกำลังล้อมเขาอยู่ ความเหนื่อยล้าและความกดดันทำให้อายาเมะเสียสมาธิ…เสียสมาธิที่เคยคมกริบดังใบมีดแต่พร้อมจะฉีกทุกอย่างที่จะทำอันตรายต่อเขา แต่เมื่อเขาเสียมันไป..แม้เพียงวินาทีเดียว…. และนั่นก็เป็นจังหวะที่เหล่าอสรพิษทั้งสามต้องการ ไอ้โม่งทั้งสามพุ่งเข้ามาเผด็จศึกเหยื่อของพวกมันด้วยความรวดเร็ว ทั้งหมัดทั้งลูกเตะสอดประสานกันได้อย่างลงตัวทำให้เหยื่อของพวกมันหมดทางรอด ในพริบตานั้น ลูกเตะตัดขาของไอ้โม่ง T ตวัดเข้าไปที่ข้อพับของอายาเมะอย่างแม่นยำโดยเขาไม่โอกาสตอบโต้ ทำให้อายาเมะร่วงลงไปกับพื้น และในวินาทีเดียวกันนั้นหมัดอันรุนแรงจากไอ้โม่ง T อีกคนก็ฮุคเข้าที่ลิ้นปี่ของชายผมแดงอย่างแม่นยำ เลือดสีแดงสดกระเด็นออกมาจากปากของอายาเมะที่จะร้องออกมาแต่ก็จุกร้องไม่ออก และปิดท้ายด้วยลูกเตะของไอ้โม่ง N ที่ซัดเข้าไปที่ก้านคอของเขา ส่งให้ชายผมแดงล้มลงกระแทกกับพื้นดินที่เปียกแฉะอย่างรุนแรง ตึงงงง!!!!! อายาเมะล้มลงกระแทกพื้นดินที่ชื้นแฉะ รสชาติของเลือดขมๆอยู่เต็มปาก สิ่งเดียวที่มองเห็นในยามนี้คือท้องฟ้าสีดำและฝนที่ตกลงมา และใบหน้าของชายในโม่งสีแดงทั้งสามที่ยืนล้อมรอบร่างกายอันหมดสภาพของเขา ถึงเขาจะไม่เห็นหน้าของพวกมันที่อยู่หลังโม่งสีแดงที่น่ารังเกียจ แต่พวกมันคงกำลังยิ้มอยู่อย่างแน่นอน “นี่นางาโตะ นายดูสิ มันยังไม่หมดสติหลังจากโดนท่าไม้ตายสามประสานสุดเท่ของเรา” ชายโม่ง T 1 พูดกับชายโม่ง Nด้วยน้ำเสียงติดตลก แต่ชายโม่ง N ไม่ตอบ “กระทืบมันเลยดีไหม” ช่างโม่งT2พูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมพลางบีบมือดังกร๊อบ “อย่าเพิ่ง” โทชิโร่ขัดขึ้น ก่อนจะเดินย่ำมาที่ร่างของอายาเมะพร้อมกับยามะที่เดินตามกันมาติดๆ "จับมันลุกขึ้นมาซะ" โทชิโร่สั่งอย่างเย็นชา ก่อนทั้งสามจะจับอายาเมะที่หมดสภาพลุกขึ้นโดยล็อคแขนทั้งสองข้างเอาไว้ โดยที่ชายผมแดงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะขัดขืนอีกต่อ “เอาหล่ะ หายบ้าแล้วก็คงพูดด้วยได้ง่ายๆหน่อย” โทชิโร่พูด พลางเชิดหน้าอายาเมะให้สบตาตัวเอง แววตาที่ไร้สติ หมดซึ่งความน่าเกรงขามของจิ้งจองสีแดงอายาเมะขณะนี้ มันทำให้เขาพอใจเป็นอย่างมาก “คุโรซาวะ อายาเมะ … ผู้ชนะสงครามปีหนึ่ง จิ้งจอกแดงที่น่าเกรงขาม” โทชิโร่เอ่ยขึ้นอย่างเนิบนาบ จ้องมองดวงตาที่ไร้แววของชายผมแดง “แกนี่มันกระจอกชะมัด” เขาดูถูกพลางแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย แต่เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาใดๆของอายาเมะ โทชิโร่ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ “เฮ้ นี่ได้ยินอยู่รึเปล่าเนี่ย” โทชิโร่พูดพลางเอามือตบหน้าอายาเมะเบาๆ แต่ไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนองออกมา มีแต่แววตาที่เลือนลอยของชายผมแดงที่ขยับไปมาช้าๆเป็นคำตอบว่าเขายังไม่หมดสติ แต่ตอบโต้ไม่ได้เพราะร่างกายของเขาถึงขีดสุดแล้ว “ดี” โทชิโร่ยิ้ม ก่อนที่จะแผ่รังสีอมหิตที่นักเรียมธยมปลายธรรมดาๆไม่ควรจะมีออกมาปลกคลุมอายาเมะจนชายหนุ่มที่ไร้ทางสู้ในตอนนี้ถึงกับตัวสั่น “ชั้นคือเคนตะ โทชิโร่ และชั้นจะก้าวไปสู่จุดสูงสุดของโรงเรียนนี้” เขาค่อยๆเอาหน้าไปแนบหูของอายาเมะแล้วบรรจงกระซิบอย่างแผ่วเบาท่ามกลางหยาดฝนอันหนาวเหน็บที่โปรยปรายลงมา “ส่วนแก…คุโรซาวะ อายาเมะ” โทชิโร่พละออกมาจากใบหน้าของอายาเมะก่อนจะยิ้มกว้าง….เป็นรอยยิ้มที่ดูราวกับยิ้มปีศาจร้าย “จงหายไปซะเถอะ” ฉึก! อายาเมะรู้สึกถึงความเย็นของโลหะที่แทรกเข้ามาในท้องน้อย เลือดอุ่นๆไหลออกมารวมกับน้ำฝนที่เปรอะเปื้อนตัวเขา เลือดข่มๆไหลออกมาจากปาก แววตาค่อยๆพล่ามัว ความเจ็บปวดเขามาแทนที่… สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าของโทชิโร่ที่กำลังแสยะยิ้มและแววตาอันบ้าคลั่งที่ไร้สามัญสำนึกของชายหนุ่ม และก่อนที่เขาจะเห็นแต่ความมืดมิด… เขาเห็นหญิงสาวผมสีแดงในชุดคุ้นเคยของผู้ป่วยโรงพยาบาลกำลังยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหายไปเหลือเพียงความเจ็บปวดที่แทบจะแยกร่างกายออกเป็นเสี่ยงๆ คุโรซาวะ อายาเมะถูกทิ้งลงกับพื้นอย่างไร้เยื่อไย ลำตัวที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการต่อสู้ ใบหน้าปูดบวมหมดสภาพ เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดและคราบดิน แผลที่ท้องน้อยเลือดไหลไม่หยุด ลมหายใจค่อยๆแผ่วลงช้าๆ…. ก่อนที่ดวงตาที่เคยเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งจะปิดลงพร้อมกับน้ำตาหยดหนึ่งที่ไหลออกมา ‘ขอโทษนะครับ…พี่’ ……………………………………………………………………………………………………………………………………… ก่อนหน้านั้นไม่นาน… เสียงฟ้าร้องดังกระหน่ำขึ้น พร้อมกับหยาดฝนที่ค่อยๆปรอยลงมาทั่วเมือง อากาศที่เย็นยะเยือกเข้ามาปลกคลุมไปทั่ว แต่เว้นสถานที่หนึ่ง… ร้านขายพายชื่อดังแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นที่เจรจาระหว่างนักเลงสองกลุ่มที่มีอิทธิพลของเมือง แก๊ง HAVA II ที่สืบทอดกันมาเป็นรุ่นที่สองหรือหัวหน้าของเหล่านักเลงหัวเกรียนโฮเซ็น และ แก๊งมอเตอร์ไซต์บุโซเซ็นเซ็นอันเลื่องชื่อที่ตอนนี้เป็นรุ่นที่ 8 แล้ว แต่ทางฝั่งของHAVAถึงแม้มีจำนวนน้อยกว่าอีกฝ่ายถึงเท่าตัว แต่ก็ไม่ได้เกรงกลัวใดๆเลย “ให้เข้าร่วมกับพวกแกงั้นหรอ…” ชายหนุ่มร่างสูงใส่แว่นตาดำนามว่าเซ็นโซเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง พลางเชิดหน้าขึ้นสบตากับคู่สนทนาซึ่งเป็นชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกัน ใบหน้าขาวซีดเหมือนซากศพที่กำลังจ้องมองเขาด้วยแววตาที่อ่านยาก ขณะที่สถานการณ์กำลังตึงเครียดและร้อนระอุอยู่นั่น จู่ๆเซ็นโซก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” ทุกคนในร้านถึงกับงุนงง มีชายสวมหมวกกันน๊อคบางคนที่ทำท่าจะเดินเข้าไปเอาเรื่องเซ็นโซ แต่ชายหน้าขาวซีดยกมือห้ามไว้ พลางมองเซ็นโซและเพื่อนๆแก๊งHAVAอีกสามคน(ยกเว้นคาซูมะ)ที่กำลังหัวเราะจนปวดท้องด้วยแววตาเรียบเฉย “ก๊ากๆๆๆๆๆ ว่าแต่ขำอะไรวะ กั่กๆๆๆๆๆ” อาริหันไปกระซิบกับโกที่กำลังหัวเราะอยู่เหมือนกัน “ฮ่ะๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นั่นสินะ ฮ่ะๆๆๆ” โกตอบก่อนที่ทั้งคู่จะประสานสายตากันแล้วหัวเราะต่อ ‘เจ้าพวกนี้ท่าจะบ้า’ โอสึกิ ฮานาบาระ หรือชายสวมหมวกกันน๊อคฉายาหุ่นไล่กาที่จะเข้ามาเอาเรื่องพวกเซ็นโซในตอนแรกคิดอย่างหงุดหงิดว่าทำไมหัวหน้าต้องสั่งให้พวกเขาเอาพวกคนที่ไม่สมประกอบมาเป็นพวกด้วย “ฮ่ะๆ..ฮ่า….” เซ็นโซที่ขำจนพอใจแล้ว ค่อยๆถอกแว่นออกมาเหน็บไว้ที่ปกเสื้อ สะบัดหัวไล่ความขบขันเมื่อครู่ ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด แสยะยิ้มตัวโกง แล้วพูดขึ้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ “อย่าทำให้ขำหน่อยเลย ไอ้พวกเบื๊อก” “แกว่าใครวะ!!” ฮานาบาระถึงกับฟิวส์ขาด ถอดหมวกกันน๊อคออกเผยให้เห็นใบหน้าที่หน้าเกรงขาม มีแผลเป็นที่คิ้วข้างซาย ผมสีดำตัดข้างเป็นทรงแฟชั่นดูดีไม่หยอก เจ้าของฉายาหุ่นไล่กาเดินจ่ำๆเข้าไปหาเซ็นโซอย่างไม่เกรงกลัว “หมายความว่ายังไงหรอครับ?” ชายผิวซีดเอ่ยปากถาม ก่อนจะยืนมือออกมากันฮานาบาระพลางจะจ้องไปทีหน้าอันยียวนกวนประสาทของเซ็นโซด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป “ก็หมายความว่าอย่างงี้ไง” โครมมมมม!!!! พริบตานั้น สิ่งที่หลายๆคนไม่คิดว่าจะได้เห็นในชีวิตก็เกิดขึ้น ชายผิวซีดอิรุมินเน็นหรือฉายามือสังหารแห่งบุโซเซ็นเซ็นไม่สามารถหลบลูกเตะที่หวดเข้าไปที่ก้านคอของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ในวินาทีก่อนที่ลูกเตะจะโดนจุดสำคัญเขาได้ยกแขนขึ้นมากันไว้ แต่นั่นก็ทำให้เขากระเด็นไปตามแรงเตะอันมหาศาลที่มาจากเรียวขาของชายหนุ่มหน้าสวยผมสีเงินที่มีแววตาเรียบเฉยจนทำให้เขากระเด็นไปชนโต๊ะที่อยู่ด้านหลัง “หัวหน้า!! เป็นอะไรไหมครับ” เหล่าชายสวมหมวกกันน๊อครีบเข้ามาพยุงเน็นแต่ถูกปัดออกไป ก่อนที่เน็นจะชันตัวลุกขึ้นมา เป็นจังหวะเดียวกับที่ ฮานาบาระพุ่งเขาไปซัดใบหน้าของชายหน้าสวย แต่ทันใดนั้นเองหมัดของเขาก็ถูกหยุดไว้ด้วยมือของเซ็นโซ “อย่าต่อยมันเลยไอ้หนู เชื่อชั้นเถอะ” ชายผมดำแค่นยิ้ม ก่อนจะพูดต่อ “ถ้ายังไม่อยากตายหล่ะก็นะ” และในพริบตานั้น เขาก็ปล่อยจิตสังหารอันมหาศาลที่ทำให้ผู้คนถึงกับฉี่ราดได้ออกมา จนทำให้เจ้าของฉายาหุ่นไล่ กาถึงกับตัวสั่นเทา ชักหมัดออกมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินถอยออกมาดูเชิงอย่างเสียไม่ได้ เน็นที่พยุงตัวเองลุกขึ้นมาได้ ค่อยๆเสยผมขึ้นช้าๆ บรรยกาศแห่งมัจุราชเลยกลับมาอีกครั้งหนึ่ง “ฮิๆๆ….ลูกเตะของหมอนี่มันแรงอย่างที่ลือกันจริงๆ” เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง ก่อนที่จะหมุนข้อแขนไปมา “เท่านี้ก็ชัดเจนแล้ว..” และในพริบตาที่เขาเงยหน้าขึ้นมาสบตากับเซ็นโซ มันทำให้ชายหนุ่มที่ไม่เคยกลัวอะไรถึงกับเหงื่อตก… เพราะมันเป็นแววตาที่เหมือนอสรพิษ เป็นแววตาแห่งความตายของมือสังหาร “โฮเซ็น…” “ต้องการประกาศสงครามกับพวกเรา” และจู่ๆร่างของเน็นก็หายไปจากทัศนวิศัยของเซ็นโซ…. และโพล่มาอีกทีพร้อมกับหมัดอันรวดเร็วชกเข้าทีใบหน้าของเซ็นโซจนชายหนุ่มกระเด็นไปชนโกและอาริล้มกลิ้งไปกับพื้น แม้แต่คาซูม่ายังมองการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วนี้ไม่ออก เขาถึงกับเบิกตากว้างเมื่อเน็นมาโพล่ข้างหน้าได้รวดเร็วขนาดนี้ ก่อนจะรีบดึงสติหวดลูกเตะอันทรงพลังของเขาไปทีเน็น แต่แล้ว สิ่งที่ไม่ขาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง…. ฮานาบาระที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วรับลูกเตะที่ใส่แรงเต็มที่ของชายหน้าสวยได้และจับมันไว้แน่น “จับ…ได้…แล้ว” ชายหนุ่มผู้มีรอยแผลเป็นที่คิ้วสแยะยิ้มก่อนจะออกแรงบิดขาของคาซูมะ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร คะซูมะก็แก้ทางด้วยการใช้ขาอีกข้างกระโดดขึ้นแล้วหมุนตัวออกแรงเหวี่ยงขาข้างนั้นให้ฟาดไปทีก้านคอของฮานาบาระ เป็นท่าเตะที่ต้องอาศัยความชำนาญอย่างมาก และถ้าเป้าหมายไม่ยอมปล่อยขาอีกข้างทีจับอยู่ก็จะโดนเผด็จศึกเข้าอย่างแน่นอน แต่ฮานาบาระทำสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออีกครั้งเมื่อรับลูกเตะของคะซูม่าอีกครั้งแล้วเหวี่ยงร่างบางของชายหนุ่มไปกระแทกกับโต๊ะไม้จนหัก “คะซูม่า!!!!” โกที่ดันตัวลุกขึ้นมาได้ตะโกนลั่น พลางยิ้มหนังสติ๊กที่เก็บไว้ในกระเป๋าออกมา “อย่าเพิ่ง..” เซ็นโซที่กำลังค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมายกมือห้ามไว้ ก่อนจะบอกอาริ “อาริ นายไปตามคนอื่นมาช่วย” อาริพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ มองอย่างอาฆาตไปที่เน็นที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ก่อนจะวิ่งออกไปจากร้านโดยไม่คิดจะกังขาในคำสั่งของเพื่อนสนิท “โก ถ้าใครมายุ่งยิงให้มันร่วงไปเลย” เซ็นโซหันมาพูดต่อกับชายแว่นหนาเตอะ “เซ็นโซ..นี่นาย…..” “เฮ้ย ไอ้หน้าหนังกระดาษ” เซ็นโซสะบัดหัวไล่ความเมาจากหมัดที่ได้รับประเคนหมัดเมื่อครู่ ก่อนจะชี้ไปที่เน็นที่ยังคุยโทรศัพท์อย่างไม่ทุกข์ร้อน เน็นไม่สนใจ ก่อนจะกดวางโทรศัพท์ แล้วหันมามองหน้าเซ็นโซด้วยรอยยิ้มสุภาพ “โอเคครับคุณเซ็นโซ….เมื่อกี้ผมได้รับคำสั่งมาจากบอส” เขาพูดด้วยแววตาที่เป็นมิตรกับเซ็นโซ ก่อนจะย่างก้าวเข้ามาหาช้าๆ “ผมได้รับคำสั่ง…” แต่ยังพูดไม่ทันจบ เขาก็รู้สึกถึงรองเท้าหนาๆที่กระแทกเข้าเต็มจมูกกระเด็นออกไปจุดที่โดนเตะในครั้งแรง “อ่ะชั้นให้คืน” เซ็นโซพูดต่อด้วยน้ำเสียงสะใจ ยักคิ้วที่นึงอย่างน่าหมั่นไส้ “แก!!” พวกบุโซเซ็นเซ็นถึงกับโมโหที่เห็นเจ้านายถูกกระโดดถีบง่ายๆแบบนี้ เลยวิ่งรุมเข้าไปหาเซ็นโซ แต่ยังไม่ทันที่พวกมันจะได้ทำอะไร หนังสติ๊กเส้นหนาก็พุ่งเข้าไปที่เป้ากางเกงหนังของพวกมันอย่างแม่นยำ และสร้างความจุกที่มหาศาลหลังจากโดนยิงน้องชายเข้าเต็มๆ “อย่ามายุ่งจะดีกว่า” โกที่ตอนนี้ถอดแว่นตาออก เผยให้เห็นดวงตาที่คมกริบราวกับดวงตาของเหยี่ยว…. “อย่าจ้องมากหน่า “ และนี่คือความลับของมันสมองแห่งHAVA II ดวงตาของโกอ่อนไหวและมีประสาทสัมผัสเร็วกว่าคนทั่วไปถึง 10 เท่า ทำให้เขาจะรู้สึกระคายเคืองมากถ้ามีใครมาสบตาหรือจ้องมองมาที่ดวงตาของเขา แต่เนื่องจากยามนี้เป็นเวลาเย็น แถมฝนกำลังตก ท้องฟ้าที่มืดมืด ทำให้แสงมีอยู่น้อยพอที่จะไม่ทำให้ตาของเขาระคายเครื่อง รวมถึงแสงไฟจากร้านพายแห่งนี้ที่เป็นหลอดถนอมสายตาซึ่งทำให้เขาชอบมาบ่อยๆทำให้เขาไม่มีอุปสรรคมากนักในการเผยความสามารถที่แท้จริงออกมา เน็นค่อยๆพยุงตัวลุกขึ้นมาจากซากโต๊ะอีกครั้ง ตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ… “อูยย…เจ็บเป็นบ้า…โดนเตะอีกแล้วสินะวันนี้” น้ำเสียงของเขาเริ่มเปลี่ยนไป พวกลูกน้องที่รู้ดีบางคนถึงกับถอยออกมาอย่างขยาดกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น.. บรรยากาศที่น่าสะอิดสะเอียนแผ่ซานปกคลุมไปทั่ว เสียงหัวเราะเย็นยะเยือกที่เล็ดลอดออกมาจากชายผิวซีดคนนี้พร้อมที่แช่แข็งทุกสิ่ง “ฮิๆๆๆๆๆๆๆ เจ็บ…เจ็บเป็นบ้าเลย…ฮิๆๆ” เข้าเงยหน้าขึ้นสบตากับเซ็นโซด้วยแววตาที่เปลี่ยนไปราวกับไม่ใช่คน มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งของอสูรกาย “เมื่อกี้พูดถึงไหนแล้วนะ…” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบาเหมือนพูดคนเดียว ยิ่งสร้างความน่าขนลุกให้ผู้พบเห็น “อ๋ออออ…..นึก..ออก…แล้วววว…ฮิๆๆๆ” วิธีการพูดของชายเน็นเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พวกลูกน้องของเขาซึ่งเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ จึงเดินหลบฉากออกมา มันเป็นสถานการณ์ที่เน็นกำลังจะพิพากษาเหยื่อของเขา….. “พวกแกทุกคน…” เน็นชี้ไปที่กลุ่มHAVAที่อตอนนี้เหลือกันอยู่สามคน ชี้คาซูมะที่ค่อยๆงัดตัวเองออกมาจากซากโต๊ะ ชี้โกที่กำลังเล็งหนังสติ๊กมาทีเขา…. และสุดท้ายทาคาดะ เซ็นโซผู้ซึ่งยืนนิ่งมองมาที่เขาอย่างไม่หวาดหวั่น ชายผิวซีดฉีกยิ้มกว้างออกมา สูดลมหายใจเข้า ก่อนจะตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ต้องถูกกำจัด!!!!!!!” …………………………………………………………………………………………………………………………. “เสร็จซะทีเว้ยยยยย” ชายหนุ่มผมสีทองในชุดซูกาจั่นสีแดงหรือโซเรียวถอนหายใจเฮือกใหญ่ หลังจากเพิ่งทำความสะอาดห้องน้ำโรงยิมเสร็จ “เห..ดูเหมือนข้างนอกฝนจะตกหนักกว่าเดิมอีกแฮะ” เขาบ่นพลางเงี่ยหูฟังเสียงน้ำฝนกระทบกับหลังคาโรงยิม “ฝนบ้าอะไรมาตกตอนเนี่ยฟ่ะเนี่ย ร่มก็ไม่มี แล้วชั้นจะกลับหอพักยังไงฟ่ะ เจ้าคาวาชิม่าก็คงกลับไปแล้ว” โซเรียวบ่นออดๆ ก่อนจะลากตัวเองพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำออกจากโรงยิมหลังจากโดนอาจารย์ฮานะซาบุโรลงโทษให้ทำความสะอาดห้องน้ำทั้งโรงเรียนก่อนกลับ และห้องน้ำโรงยิมเป็นที่สุดท้ายที่เขาทำเสร็จ เมื่อเช็คดูของเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มหัวทองก็ปิดประตูบานใหญ่ของโรงยิม ก่อนจะต้องทำใจเดินตากฝนออกมาด้วยสภาพนี้ และในตอนนั้นเอง กลุ่มคนพวกหนึ่งก็เดินสวนกับเขาออกมาจากด้านหลังโรงยิม… ในวินาทีนั้น โซเรียวถึงกับเสียวสันหลังวาบ เมื่อเห็นรอยยิ้มของชายหนุ่มผมสีดำถือร่มที่เหมือนขนาบข้างด้วยชายร่างใหญ่และไอ้โม่งสีแดงสามคนที่ดูเพี้ยนๆและกลุ่มนักเรียนที่ดูสะบักสะบอมจำนวนหนึ่ง รอยยิ้มของชายหนุ่มคนนั้นมันคือรอยยิ้มของผู้ชนะ มันดูหยิ่งทะนง….โหดเหี้ยม และบ้าคลั่ง เป็นรอยยิ้มที่จะติดตาเขาไปตลอดกาล เมื่อพวกมันเดินจากไปเขารู้สึกถึงกลิ่นของความหายนะมาจากหลังโรงยิมและมันน่าคุ้นเคยอย่างประหลาด ด้วยสัญชาติญาณของเขา โซเรียวตัดสินใจทิ้งอุปกรณ์ทำความสะอาด วิ่งฝ่าสายฝนไปที่หลังโรงยิมที่พวกนั้นเดินจากออกมาอย่างรวดเร็วด้วยความวิตกกังวลอย่างน่าประหลาด และเมื่อเขาไปถึงที่นั่น…. สิ่งที่เขาพบก็คือ ร่างของชายหนุ่มผมแดงผู้คุ้นตาที่กำลังนอนอยู่บนดินโคลนเปียกๆท่ามกลางสายฝน พร้อมกับบาดแผลรอยฟกช้ำจำนวนมากทั่วร่างกาย และที่สำคัญบาดแผลที่ท้องซึ่งมาจากของมีคมที่ทำให้เลือดจำนวนมากไหลออกมา แม้แต่ฝนก็ยังชำระล้างไม่หมด โซเรียวถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนจะตะโกนเรียกร่างอันสะบักสะบอมที่กำลังจะไร้ลมหายใจที่นอนอยู่ตรงนั้น“ไอ้หัวแดง!!!!”